ทริคลัด มัดรวมคะแนน IELTS Reading แบบฉบับ The Flash

ปัญหาหลักๆ ที่ใครหลายคนพบเจอในระหว่างการทำข้อสอบ IELTS พาร์ท Reading คือไม่รู้ว่าจะเริ่มอ่านจากตรงไหน อ่านได้แต่แปลไม่ออก สับสนกับการเลือกช้อยส์ ทำในในตอนท้ายแล้วเราทำข้อสอบไม่ทัน และพลาดคะแนนในส่วนตรงนี้ไป วันนี้พี่ๆ จาก The Planner Education สถาบันติว IELTS ที่ดีที่สุดย่านชิดลม จะมาแนะทริคดีๆ แนวทางเด็ดๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ โกยคะแนนสอบ IELTS Reading ได้มากขึ้น เร็วขึ้นแบบ The Flash กันไปเลย จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมๆ กัน

  1. รู้โครงสร้างข้อสอบ IELTS Reading ก่อน เพื่อการเตรียมตัวที่แม่นยำ

ข้อสอบ IELTS Reading เป็นข้อสอบส่วนที่ 2 ของทั้งหมด 4 ส่วน ได้แก่ Listening, Reading, Writing และ Speaking โดยในการสอบ IELTS Reading จะมีบทความ ข้อความจากสิ่งหรือสื่อรอบๆ ตัวมาให้น้องๆ ได้วิเคราะห์ น้องๆ จะมีเวลาในการทำข้อสอบพาร์ทนี้ทั้งหมด 60 นาที ซึ่งในข้อสอบจะมีจำนวน 40 ข้อ 40 คะแนน ดังนั้นเวลาในการทำต่อข้อจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณข้อละ 1.5 นาที ซึ่งการสอบในส่วนนั้น ดังนั้น น้องๆ จึงจำเป็นต้องเร่ง Speed ตัวเองในการอ่านบทความ เลือกคำตอบที่ถูกต้องและเขียนคำตอบลงในกระดาษคำตอบก่อนที่จะหมดเวลา ซึ่งวิธีลดเวลาในการอ่าน พี่ๆ จะบอกต่อในข้อถัดไป

  1. “คลังศัพท์” และ “ความคุ้นเคย” คืออาวุธลับ

“นักรบที่ดี” ก่อนสู้ศึกในสนามก็ควรต้อง “ลับดาบ” ให้คมเสียก่อนจริงไหม ดังนั้นการฝึกทำแบบทดสอบชุดเก่าๆ หรือการฝึกจำคำศัพท์ไว้เยอะๆ ก็ย่อมเป็นผลดีกับเราในวันสอบอย่างแน่นอน เนื่องจากเราจะรู้สึกประหม่าน้อยลง รู้จักลำดับความสำคัญและคุ้นเคยกับการกระทำในสถานการณ์ ณ เวลานั้นมากขึ้น และถ้าหากน้องๆ เคยมีประสบการณ์เรียนภาษาอังกฤษมาก่อน หรือฝึกท่องจำบ่อยๆ จนมีพื้นฐานคำศัพท์แน่น ก็จะทำให้เข้าใจเนื้อหาในบทความได้มากขึ้นเช่นกัน ทำให้เวลาสอบสามารถที่จะเลือกคำตอบที่ถูกต้องได้เร็วกว่าคนที่มีพื้นฐานคำศัพท์น้อย เพราะเขาเหล่านั้นอาจต้องเสียเวลาในการอ่านและเดาเอาเองมากขึ้น แน่นอนว่าเพิ่มโอกาสในการตอบผิดได้สูงเลยทีเดียว

  1. เทคนิค Skimming – Scanning ช่วยลดเวลา

อย่าลืมว่า เรามีเวลาแค่ 60 นาทีเท่านั้น ในการอ่านและตอบในข้อสอบ IELTS ดังนั้นการเสียเวลาในการไล่อ่านทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร ก็อาจทำให้เราไม่ทันเวลาได้ 2 เทคนิคนี้ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำข้อสอบแบบ The Flash ของน้องๆ

  • อันดับแรก ใช้การ Skimming หรือ “อ่านภาพรวมบทความแบบเร็วๆ” โดยไม่ต้องอ่านทุกคำ เพื่อให้ทราบ main idea ของบทความ และทราบว่าแต่ละย่อหน้าของเนื้อหาสื่อถึงอะไร แบบไม่ต้องเสียเวลา In-Detail เช่น บทความนี้พูดถึงอะไร หรือพูดเกี่ยวกับใคร
  • อันดับที่สอง ใช้การ Scanning หรือ “อ่านหาคำสำคัญ” ประโยคเด่น หรือ Keyword ที่จะเป็นประโยชน์ในการทำข้อสอบของเรา เช่น สถานที่ ชื่อบุคคล หมายเลขโทรศัพท์ ฯลฯ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจความหมายของคำศัพท์ทุกคำในประโยค ซึ่งส่วนนี้จะทำให้เราพบคำตอบหรือส่วนของพารากราฟที่ match กับคำถามได้เร็วขึ้นนั่นเอง
  1. ข้อไหนไม่ไหวต้อง Move On

ในการทำข้อสอบ IELTS เราไม่จำเป็นที่จะต้องย้ำคิดย้ำทำในข้อสอบข้อนั้นๆ เพื่อให้ได้คำตอบที่เราเองก็ยังไม่มั่นใจ เพราะจะทำให้เราเสียเวลาในการเก็บคะแนนในส่วนอื่นๆ ที่เรามีโอกาสทำได้มากกว่า เพราะแต่ละข้อให้คะแนนเท่ากัน และหากเราทำข้อที่เราทำได้ได้เสร็จก่อน เวลาที่เหลือเราก็สามารถย้อนกลับมาทำในข้อที่เราข้ามเอาไว้ได้ โดยที่ไม่เสียคะแนนในข้ออื่น ทั้งนี้ เวลาทำข้อสอบ น้องๆ ต้องไม่ลังเลที่จะตอบหรือแก้ไขคำตอบอยู่บ่อยๆ ด้วย เพราะส่วนใหญ่คำตอบที่ถูกต้องมักมาจากความคิดแรกของเราเสมอ

สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นเรียนพิเศษ IELTS แบบครบเครื่อง เนื้อหาแน่นเป๊ะ สถาบัน The Planner Education เรามีเปิดสอนคอร์ส IELTS ด้วยนะ เผื่อใครยังไม่รู้ ดูแลเนื้อหาหลักสูตรโดยคุณครูที่จบเฉพาะทางด้านภาษาอังกฤษมาโดยตรง มีการให้บริการอำนวยความสะดวกและอัปเดตข่าวสารการสอบ IELTS จากพี่แอดมินตลอดเวลา มั่นใจได้ว่าการเรียน IELTS ที่ The Planner Education จะเปิดประสบการณ์ที่ดีให้กับน้องๆ และผู้ปกครองได้เป็นอย่างดี การันตีคุณภาพโดยนักเรียนที่สอบผ่านกับสถาบันเราและสอบติดคณะอินเตอร์ในฝันมากกว่า 2,000 คน

สนใจติว IELTS | IGCSE | A-Level | GED | SAT | IELTS | TOEFL-MUIC | CU-TEP | TU-GET | GSAT | CU-ATT | CU-ATS | BMAT | ACT เพื่อคว้าคะแนนและมหาวิทยาลัยในฝันหรือยัง? ดูรายละเอียดคอร์สเรียนที่สนใจได้เลย!

เราพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ ไม่ว่าจะมหาลัยในไทยหรือต่างประเทศ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.095-726-2666 หรือ LINE: @theplanner

เพิ่มเพื่อน
Tags:

Leave a Reply