เคล็ดลับคนอ่อนภาษาอังกฤษต้องรู้ ทำยังไงให้ได้คะแนน IELTS สูงปรี๊ด แบบหมัดเดียวจอด

เป็นเหมือนกันไหม ท่องศัพท์ Eng เยอะแค่ไหนก็ไม่เข้าหัว ยิ่งเรื่องแกรมม่าและทักษะการพูดโต้ตอบแล้วยิ่งแล้วใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นคน “อ่อน Eng” เข้าขั้นโคม่าเลยทีเดียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะปัจจุบันภาษาอังกฤษถือเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารของคนบนโลก โดยเฉพาะผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS ที่มักใช้เป็นเกณฑ์ในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างชาติ รวมถึงการยื่นเข้าทำงานและการเดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ ซึ่งยังไงก็คงต้องให้ความสำคัญกับมันจริง ๆ ถูกไหม อย่างน้อย ๆ เพื่อความอุ่นใจ IELTS เต็ม 9.0 ก็ควรจะได้คะแนนที่ 6.0++ หรือ 6.5 ขึ้นไปแล้ว

แต่ทำยังไง คนอ่อน Eng อย่างเรา ถึงจะสอบ IELTS ได้คะแนนสูง ๆ แบบนั้นกันล่ะ?  มาลองเปิดใจและสลัดความกังวลเหล่านั้นออกไปให้หมดกับบทความนี้กันนะคะ พี่ The Planner กูรูด้านการติว IELTS จะขอพาน้อง ๆ ไปดูทริคลับเปิดใจคนไม่เก่งภาษา ให้สามารถเข้าถึงและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดีขึ้นแบบสังเวียนต่อสังเวียนกันเลย จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลยค่ะ

  1. วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง
    สิ่งคนมีพื้นฐานภาษาอังกฤษน้อยมักมองข้าม คือการ “เข้าใจธรรมชาติการเรียนรู้” ไม่มีใครเก่งทุกด้าน หรือเก่งทุกอย่างในคราวเดียว ดังนั้นการวิเคราะห์ความสามารถของตัวเองก่อน ว่าเราไหวทางด้านไหน หรือต้องเน้นด้านไหนเป็นพิเศษบ้าง “เพื่อให้เกิดพัฒนาการด้านต่าง ๆ อย่างมีทิศทาง และไม่ตึงจนเกินไป”

    ยกตัวอย่าง เช่น หากเราเป็นคนสื่อสารไม่เก่ง แต่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะหนังสือเรียน นิยาย หรือวรรณกรรมใด ๆ ก็ตามแต่ ให้นำจุดเหล่านั้นมาปรับใช้ เมื่อพูดและสื่อสารไม่เก่ง ก็ให้เน้นไปทาง Speaking มากหน่อย และต้องเพิ่มความกล้าสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนด้าน Reading ก็อาจจะเข้มงวดน้อยลงมา โดยอาจจะเปลี่ยนจากนิยายภาษาไทยที่ชอบ ให้เป็นนิยายภาษาอังกฤษ แล้วค่อยขยับมาเป็นเนื้อหาสอบ อ่านไปด้วย แปลไปด้วย จดศัพท์ใหม่ไปด้วย เป็นต้น 

  1. บันทึกศัพท์ใหม่ในทุก ๆ วัน
    อ้างอิงจาก พจนานุกรม Oxford (ฉบับสมบูรณ์) “Oxford English Dictionary” มีคำศัพท์ อยู่ประมาณ 300,000 คำ ซึ่งรวมคำที่เลิกใช้ไปแล้วกว่า 47,000 คำ เราจะเห็นได้ว่า จำนวนคำศัพท์ในภาษาอังกฤษนั้นดูมีอยู่เยอะมาก ๆ แต่จากการวิจัยแล้ว คนที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เต็มที่มากที่สุด ก็ใช้คำศัพท์กันอยู่ราว 30,000 คำเท่านั้นเอง

    ดังนั้น “อย่ากลัวที่จะเจอคำศัพท์” หากเรารู้คำศัพท์มากระดับหนึ่ง ก็จะทำให้การสื่อสารนั้นลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และเข้าใจสิ่งที่คู่สนทนาสื่อได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีที่เห็นผลที่สุด แบบไม่ต้องเคร่งเครียดท่องทั้งหมดวนไปมา คือการจดบันทึกศัพท์อังกฤษใหม่ ๆ หรือศัพท์ไหนที่เราไม่รู้จักในทุกครั้งที่ได้เจอมันนั่นเอง อาจจะพบในทีวี ตามห้างสรรพสินค้า ตามป้ายบอกทางหรืออะไรก็ตามแต่ เพราะถ้าหากเราสะสมศัพท์ในหัวได้สัก 3000-5000 คำแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าใช้ชีวิตเมืองนอก และทำแบบทดสอบ IELTS ได้สบายหายห่วงเลยล่ะ

  1. หยุดแค่ท่องจำ เน้นนำมาใช้สื่อสารจริง
    หากน้องอ่านข้อที่แล้วมาแล้วคิดว่า แค่ท่องศัพท์จำศัพท์ ก็จะทำให้เก่งภาษาอังกฤษขึ้นได้ พี่อยากให้น้อง ๆ กลับมาก่อนนะคะ อย่าเพิ่งหลุดไปไหนไกล เพราะรู้หรือไม่ การที่ท่องศัพท์เพียงอย่างเดียวและไม่ใช้งาน ไม่ฝึกฝนในสถานการณ์จริงเลย นั้นอาจทำให้ทักษะคำศัพท์ของน้อง ๆ “ขึ้นสนิมได้”  เพราะเมื่อถึงเวลาทดสอบหรือใช้งานจริง เช่น การสอบ IELTS น้อง ๆ ที่อ่อนภาษาอยู่แล้ว จะไม่สามารถสื่อสารหรือวิเคราะห์ข้อสอบออกมาอย่างสมบูรณ์ได้เลย เพราะเราไม่เคยได้ใช้จริง ไม่เคยเจอของจริง มาลุ้นเอาหน้างานหรือหน้าสนามสอบ ย่อมเกิดความไม่คุ้นเคย สูญเสียความมั่นใจ พูดไม่ออก ตอบไม่ได้ และสอบได้คะแนนน้อยในที่สุดนั่นเอง

    ดังนั้น อย่าฝึกฝนเพียงแค่ด้านการท่องศัพท์หรือจดจำเนื้อหานะคะ ลองเอามาใช้ในสถานการณ์จริงดูบ้าง เช่น พูดคุยกับเพื่อน หรือตอบคำถามครูเป็นภาษาอังกฤษ จะทำให้เราพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยค่ะ

  1. อย่ากลัวการเข้าหาหรือขอความช่วยเหลือ
    เชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากให้มีใครเห็นมุมที่อ่อนแอของเรา หรือมุมที่เรายังไม่มีประสิทธิภาพมาพอแน่นอน แต่ในจุดนี้ พี่อยากให้น้อง ๆ ลองปรับวิธีคิดดูอีกสักนิดนะคะ ในการเรียนรู้เรื่องภาษาอังกฤษนั้นไม่มีผิดหรือถูก ทุกคนเริ่มต้นจากความไม่รู้กันทั้งสิ้น เมื่อเกิดความผิดพลาด หรือเกิดปัญหา เช่น แปลภาษาอังกฤษไม่ออก ตอบคำถามภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง พี่อยากให้น้อง ๆ “อย่าเดินหนีปัญหาเด็ดขาด” เพราะการหลบจากปัญหา จะทำให้น้อง ๆ เกิดการปิดกั้นตัวเองจากภาษาอังกฤษ และไม่เกิดพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษใด ๆ เลย

    ดังนั้น ให้มองหาตัวช่วยที่ใกล้ที่สุดและดีที่สุดก่อน อาจจะเป็นคุณครู หรือเครื่องมือแปลภาษาในโทรศัพท์ของเราก็ได้ (ในกรณีที่ไม่ใช่การสอบนะ) เพราะการที่เราได้เผชิญปัญหาด้วยตัวเอง และมีผู้ที่คอยช่วยเหลือเราอยู่ด้วย จะทำให้เราเห็นหนทางการแก้ปัญหาที่ดียิ่งขึ้น ได้เข้าใจ และจดจำประสบการณ์ครั้งนี้ไว้ใช้ในครั้งถัด ๆ ไปได้นั่นเอง

  1. เข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
    ตัวช่วยที่ดีตลอดกาล คือการเข้าคอร์สฝึกฝนภาษาอังกฤษไปเลย เช่น คอร์ส IELTS จาก The Planner Education เพราะจะทำให้น้อง ๆ เข้าใจจุดบกพร่องของตนเอง และแก้ไขได้อย่างถูกวิธีโดยมีคุณครูผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษน้อย หรืออ่อนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ เนื่องจาก น้อง ๆ ต้องได้รับการชี้แนะในกระบวนการใช้ภาษาที่ถูกต้อง มีการเสริมความรู้ เสริมทักษะด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย ที่อาจหาไม่ได้จากในตำตา แต่เป็นประสบการณ์ตรงจากตัวคุณครูเอง จึงทำให้น้อง ๆ เข้าใจและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองได้เร็วยิ่งขึ้น

ที่ The Planner Education สถาบันติวเข้ม IELTS มีคุณครูผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน คอยให้การสนับสนุนน้อง ๆ นักเรียนอยู่เสมอ ไม่ว่าน้อง ๆ จะมีพื้นฐานเริ่มต้นมาแบบไหน จะมากหรือน้อย คุณครูพร้อมปรับการสอนและการสื่อสารให้เข้าถึงน้อง ๆ ทุกคนได้อย่างครบถ้วน จึงมั่นใจได้ว่า หลังจบคอร์สติว IELTS น้อง ๆ จะมีทักษะและประสบการณ์มากพอในการคว้า Band สูง 6.5++ ในการสอบ IELTS อย่างแน่นอน

สนใจติว IELTS | IGCSE | A-Level | SAT | GED | TOEFL-MUIC | CU-TEP | TU-GET | GSAT | CU-ATT | CU-ATS | BMAT | ACT | IB
เพื่อคว้าคะแนนและมหาวิทยาลัยในฝันหรือยัง? ดูรายละเอียดคอร์สเรียนที่สนใจได้เลย!  

เราพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ ไม่ว่าจะมหาลัยในไทยหรือต่างประเทศ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 095-726-2666
หรือ LINE: @theplanner

เพิ่มเพื่อน

Leave a Reply