SAT English – Confusing Words

            ติว SAT กัน วันละตอน วันนี้จะมาดูคำที่ต้องรู้ความแตกต่าง ในชีวิตนี้ทุกคนน่าจะเคยประสบปัญหาเวลาเจอคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีลักษณะคล้ายกัน (อย่างการออกเสียงคล้ายกันหรือการสะกดคำคล้ายกัน) มักจะทำให้เราสับสนและเผลอใช้คำศัพท์เหล่านั้นผิดบริบท เช่น two VS to VS to, than VS then และ advice VS advise

            จะเห็นได้ชัดเลยว่าคำกลุ่มนี้มักสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้เสมอ พี่เจอบ่อยๆจากน้องๆที่เรียน SAT กัน คำกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Confusing Words (ลักษณะคล้ายแต่มีความหมายและการใช้งานแตกต่าง) ข้อสอบ SAT เองก็มักจะทดสอบว่าพวกเรารู้คำศัพท์ รู้ความแตกต่างและการใช้งานคำศัพท์แต่ละคำมากเพียงพอที่จะไม่สับสนเวลาทำข้อสอบหรือเปล่า

            วันนี้พี่ก็เลยจะมานำเสนอคำศัพท์ที่มีลักษณะคล้ายกันมากจนสร้างความสับสนให้กับน้องๆที่ติว SAT และผู้ใช้ภาษา เรื่องนี้มักจะออกข้อสอบ SAT กันครับ เราลองมาดูกันทีละคู่เลยดีกว่า

  1. Affect VS Effect

            คำคู่แรกนี้เป็นคำคู่ที่ง่ายที่สุด แต่ก็ยังมีเด็กหลายคนที่ใช้งานผิดนะครับ สองคำนี้มีความหมายคล้ายกัน แปลว่า “(มี)ผลกระทบ” แตกต่างกันคือ affect = verb ขณะที่ effect = noun

  1. Allude VS Elude

            คำคู่นี้เสียงคล้ายแถมยังเป็นคำกริยาทั้งคู่ด้วย แต่แตกต่างกันที่ allude แปลว่า กล่าวถึง (refer to) ส่วน elude แปลว่า หลีกเลี่ยง (avoid)

  1. Perspective VS Prospective

            คำคู่นี้ต่างกันนิดเดียวตรงเสียงสระ คำแรก คือ “เพอ – per” ในขณะที่คำที่สองคือ “โพร – pro” นอกจากนี้ คำว่า perspective ทำหน้าที่เป็น noun แปลว่า “มุมมอง” (point of view) แต่ prospective เป็น adjective แปลว่า “ที่คาดหวัง/คาดการณ์ไว้” (planned)

  1. Afflict VS Inflict

            แม้ทั้งสองคำนี้จะเป็น verb ทั้งคู่ แต่ออกเสียงแตกต่างกันที่พยางค์แรก โดย afflict แปลว่า ทำให้เดือดร้อน/เจ็บป่วย (trouble) แต่ inflict หมายถึง ลงโทษ(punish)

  1. Descent VS Dissent

            สำหรับคำแรกพี่ว่าถ้าเป็นแฟนซีรีส์เกาหลีน่าจะคุ้นเคยกับคำนี้ดีเพราะมีรากศัพท์เดียวกันกับคำว่า descendant ที่แปลว่า “ทายาท” ดังนั้นคำว่า descent ในที่นี้ทำหน้าเป็น noun แปลว่า “การสืบทอด/เชื้อสาย” ไงล่ะ ในขณะที่คำว่า dissent แปลว่า ไม่เห็นด้วย หรือ ความขัดแย้ง” (ตรงข้ามกับคำว่า assent ที่แปลว่า’เห็นด้วย/ยินยอม’)

  1. Elicit VS Illicit

            สองคำนี้นอกจากจะมีเสียงสระตัวแรกต่างกัน ยังใช้งานต่างกันแบบคนละโลกเลยครับ elicit เป็น verb แปลว่า กระตุ้น/ดึงออกมา” แต่ illicit เป็น adjective แปลว่า “ผิดกฎหมาย” (พี่ชอบจำว่า illicit = illegal เพราะเสียงแรกคล้ายกัน)

  1. Respective VS Respectful

            สองคำนี้ดูเหมือนจะมีรากศัพท์มาจากคำว่า respect ที่แปลว่า “เคารพ”ใช่ไหมล่ะ แต่ที่จริงคำว่า respective ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ respect เลย เพราะคำนี้เป็น adjective แปลว่า “ตามลำดับ/โดยเฉพาะ” เช่น Go to your respective seats. (ไปนั่งที่ตามลำดับที่จัดไว้) ในขณะที่ respectful แปลว่า “น่าเคารพ” (รากศัพท์ -ful แปลว่า “เต็มไปด้วย” จำว่า respectful ใช้เรียกคนที่เต็มไปด้วยความน่าเคารพ)

  1. Simulate VS Stimulate

            คำคู่สุดท้ายสะกดต่างกันตรงที่คำที่สองมีเสียง t เพิ่มขึ้นมา โดยที่ทั้งคู่ต่างทำหน้าที่เป็น verb คำว่า simulate แปลว่า เลียนแบบ/จำลอง แต่ stimulate แปลว่า กระตุ้น

            หลังจากที่ทุกคนได้รู้จัก Confusing Words ทั้ง 8 คู่ที่เราเจอบ่อยๆในการติว SAT พาร์ทภาษาอังกฤษแล้วลองมาฝึกทำโจทย์ลับสมองกันดีกว่า

            The smell of durian can (elicit/illicit) reactions that range from deep appreciation to intense disgust.

            สังเกตว่าประโยคนี้คำที่เราต้องการอยู่หลัง can แสดงว่าเราต้องการ verb มาเติมในประโยคซึ่งจะช่วยทำให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์และถูกไวยากรณ์ ดังนั้นข้อนี้เลย ตอบ elicit (เป็น Verb)  ในส่วนความหมายจะเห็นว่า elicit ก็เหมาะสมกับบริบทที่สุด เพราะประโยคนี้หมายถึง “กลิ่นทุเรียนสามารถกระตุ้นการตอบสนองได้หลากหลาย ตั้งแต่ความชื่นชอบไปจนถึงความเกลียด”

 

พี่หวังว่าน้องทุกคนจะสามารถจดจำคำศัพท์เหล่านี้ได้เมื่อฝึกหรือติว SAT (passage-based reading and writing) เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าไป Confused ในห้องสอบนะครับ

ติดต่อสอบถามคอร์สการเรียน SAT ได้ที่เบอร์ 02-253-2533 หรือ 095-726-2666
หรือ LINE: @theplanner

เพิ่มเพื่อน
Tags:

Leave a Reply