น้องเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมอยู่ดี ๆ สินค้าที่เราบริโภคในชีวิตประจำวันถึงมีราคาสูงขึ้น เช่น ทำไมปัจจุบันหน้ากากอนามัยถึงมีราคาแพงขึ้น หรือ ทำไมในช่วงเทศกาลตรุษจีนราคาเนื้อหมูและไก่ถึงสูงขึ้น คำตอบนี้ไม่ยากเลยครับ เรื่องนี้หากอาศัยความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ก็สามารถไขคำตอบได้แล้ว และเมื่อติว GED Social Studies ก็อย่าลืมเรื่องนี้กันนะครับ
สาเหตุที่ราคาสินค้าต่าง ๆ ในตลาดเปลี่ยนแปลงไปเป็นผลจากกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ อดัม สมิธ (Adam Smith) บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีกลไกราคาขึ้นมา ซึ่งถูกบรรยายไว้ในหนังสือ The Wealth of Nations ในปี 1776
อดัม สมิธเสนอว่าในตลาดมีสิ่งที่เรียกว่า Invisible Hands หรือ มือที่มองไม่เห็น ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมราคาสินค้าต่าง ๆ โดยกลไกนี้ประกอบไปด้วยฟันเฟืองสองตัว นั่นคือ Demand (อุปสงค์) และ Supply (อุปทาน)
ในคลาสเรียน GED Social Studies เรื่องนี้ก็จะถูกสอนเพราะมันสำคัญมากนะครับ หรือหากน้องๆติว GED Social กันเองก็ต้องทำความเข้าใจให้ดีนะครับ
Demand หมายถึง ความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภค โดยกฎของอุปสงค์ (Law of Demand) คือ กฎที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับระดับราคาสินค้า (Price) ซึ่งมีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกัน
“หากราคาสินค้าสูงขึ้น ความต้องการซื้อจะต่ำลง ในทางตรงกันข้ามหากราคาสินค้าลดลง ความต้องการซื้อจะเพิ่มขึ้น”
**วิธีจำ ของแพงคนไม่อยากซื้อ ของถูกของsale คนแห่ไปเลยจ้า**
Supply หมายถึง ความต้องการขายสินค้าของผู้ผลิต โดยกฎของอุปทาน (Law of Supply) คือ กฎที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอุปทานซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในทางทิศทางเดียวกันกับราคาสินค้า
“หากราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ความต้องการขายจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าราคาสินค้าลดลง ความต้องการขายก็จะลดลงตาม” เมื่อติว GED Social หรืออ่านเอง พี่มีวิธีจำให้ง่ายๆครับ
**วิธีจำ ของแพงอยากขายเพราะได้กำไร แต่ของถูกไม่อยากขายเดี๋ยวขาดทุน**
แล้วสองหลักการนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงของระดับสินค้าในตลาด?
เฉลย การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าเกิดจากปริมาณและความสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทานครับ
– หาก Demand > Supply (ความต้องการซื้อมากกว่าสินค้า) ก็จะเกิดอุปสงค์ส่วนเกิน (Over Demand) ทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดตลาด ราคาสินค้าก็แพงขึ้น (ของยิ่งน้อยราคายิ่งแพง)
– หาก Supply > Demand (ความต้องการขาย หรือ สินค้ามากกว่าความต้องการซื้อ) ก็จะเกิดอุปทานส่วนเกิน (Over Supply) หรือสินค้าล้นตลาดนั่นเอง เพื่อกระตุ้นให้คนอยากซื้อสินค้าผู้ผลิตเลยมักปรับราคาสินค้าให้ต่ำลง (ของเยอะไปต้องลดราคาคนจะได้อยากซื้อ)
เท่านี้ก็รู้แล้วนะครับว่าทำไมช่วงนี้หน้ากากอนามัยถึงมีราคาแพงนั่นก็เพราะ หน้ากากอนามัยกำลังเป็นที่ต้องการในขณะที่กำลังในการผลิตสินค้าจำกัด (Demand > Supply) ทำให้สินค้าเริ่มขาดแคลน ราคาก็เลยปรับขึ้น ช่วงนี้ถ้าทำได้ก็หาหน้ากากอนามัยใส่และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ไม่เอามือไปสัมผัสบริเวณหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ COVID-19 กันด้วยนะครับ ด้วยความเป็นห่วงจากพี่