เปิดคลังศัพท์ SAT English “ชวนสับสน” ใช้ไม่ถูกจุด คะแนนหลุดไปไกล

เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนคงเคยพบปัญหา เจอคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่หน้าตาหรือการออกเสียงคล้ายกัน และไม่มั่นใจว่าจะเลือกใช้คำไหนดี จึงจะเหมาะสมกับบริบทของการใช้งานที่ถูกต้อง เช่น Two – To, Than – Then หรือ Advice – Advise ซึ่งกลุ่มคำเหล่านี้ จัดเป็น Confusing Words ที่หากน้อง ๆ ไม่ได้มีความเข้าใจหรือใช้งานอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้เกิดการใช้งานที่ไม่ตรงจุดหรือสร้างความสับสนได้ ทั้งในชีวิตประจำวันและในการทำข้อสอบ 

โดยเฉพาะกับการสอบ SAT พาร์ท English ที่ในข้อสอบมักจะมีการทดสอบความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ แม้โจทย์จะไม่ได้ถามกันตรง ๆ ว่าคำศัพท์ที่กำหนดให้แปลว่าอะไร แต่น้อง ๆ จะต้องได้ใช้ความรู้พื้นฐานด้านคำศัพท์เพื่ออ่านและวิเคราะห์ Passage รวมถึงข้อมูลด้านอื่น ๆ ในข้อสอบอย่างแน่นอน  

เพื่อให้น้อง ๆ มีความเข้าใจและคุ้นเคยมากขึ้นกับคำศัพท์ลักษณะนี้ บทความนี้ The Planner จึงคัดคำศัพท์ออกสอบ SAT English ที่มีลักษณะคล้ายหรือใกล้เคียงกันมากที่สุด จนสร้างความสับสนและอาจเป็นตัวฉุดคะแนนของน้อง ๆ ในขณะสอบได้ จะมีคำไหนบ้าง ไปดูพร้อมกัน 

คำศัพท์ SAT English – Confusing Words เจอบ่อย!

  1. Affect VS Effect
    สองคำนี้นอกจากจะเขียนคล้ายกันแล้ว ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกันอีกด้วย คือ ผลกระทบ แต่ทั้งคู่มีความแตกต่างกัน คือ affect = verb (มีผลต่อ) ขณะที่ effect = noun (ผลที่ตามมา)
  1. Allude VS Elude
    คำคู่นี้มีการสะกดคำและการออกเสียงที่คล้ายคลึงกัน และเป็นคำกริยา (verb) ทั้งคู่ด้วย แต่จุดที่ทำให้ทั้งสองคำมีความแตกต่างกัน คือ ความหมายของคำศัพท์ เพราะ allude แปลว่า กล่าวถึง (refer to) ส่วน elude แปลว่า หลีกเลี่ยง (avoid)
  1. Perspective VS Prospective
    คำคู่นี้แตกต่างกันเล็กน้อยตรงเสียงสระคำแรก คือ เพอ – per ในขณะที่คำที่สองคือ โพร – pro นอกจากนี้ คำว่า perspective ทำหน้าที่เป็น noun แปลว่า มุมมอง (point of view) แต่ prospective เป็น adjective แปลว่า ที่คาดหวัง/คาดการณ์ไว้ (planned)
  1. Afflict VS Inflict
    แม้ทั้งสองคำนี้จะออกเสียงพยางค์ท้ายคล้ายกันและเป็น verb ทั้งคู่ แต่มีการออกเสียงแตกต่างกันที่พยางค์แรก โดย afflict แปลว่า ทำให้เดือดร้อน/เจ็บป่วย (trouble) แต่ inflict หมายถึง ลงโทษ (punish)
  1. Descent VS Dissent
    สองคำนี้ค่อนข้างออกเสียงใกล้เคียงกัน แตกต่างกันที่การสะกดคำและความหมาย โดยคำว่า descent ในที่นี้ทำหน้าเป็น noun แปลว่า การสืบทอด/เชื้อสาย แต่คำว่า dissent แปลว่า ไม่เห็นด้วยหรือความขัดแย้ง
  1. Elicit VS Illicit
    สองคำนี้มองผ่าน ๆ จะมีการออกเสียงคำคล้ายกันมากและยังมีพยางค์สุดท้ายของคำที่สะกดเหมือนกันอีกด้วย แต่ใน part of speech และการนำมาใช้งานนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมาก โดย elicit เป็น verb แปลว่า กระตุ้น/ดึงออกมา แต่ illicit เป็น adjective แปลว่า ผิดกฎหมาย
  1. Respective VS Respectful
    สองคำนี้มองครั้งแรกดูเหมือนจะมีรากศัพท์มาจากคำว่า respect ที่แปลว่า เคารพ เหมือนกันใช่ไหม แต่ที่จริงคำว่า respective ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ respect เลย เพราะคำนี้เป็น adjective แปลว่า ตามลำดับ/โดยเฉพาะ เช่น Go to your respective seats. (ไปนั่งที่ตามลำดับที่จัดไว้) ในขณะที่ respectful แปลว่า น่าเคารพ
  1. Simulate VS Stimulate
    คำคู่สุดท้ายสะกดต่างกันตรงที่คำที่สองจะมีเสียง t เพิ่มเข้ามา โดยที่ทั้งคู่ต่างทำหน้าที่เป็น verb เช่นเดียวกันด้วย แต่ในเรื่องของความหมาย คำว่า simulate จะแปลว่า เลียนแบบ/จำลอง แต่ stimulate แปลว่า กระตุ้น นั่นเอง

ตัวอย่าง การเลือกใช้คำ Confusing Words ในโจทย์ SAT พาร์ทภาษาอังกฤษ

The smell of durian can (elicit/illicit) reactions that range from deep appreciation to intense disgust.

สังเกตได้ว่าประโยคนี้ คำตอบอยู่หลัง can แสดงว่าต้องการ verb มาเติมในประโยค ซึ่งจะช่วยทำให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์และถูกไวยากรณ์มากยิ่งขึ้น 

ดังนั้นในโจทย์ข้อนี้จึงตอบ elicit (เป็น Verb) และในส่วนของความหมายจะเห็นว่า elicit ก็เหมาะสมกับบริบทที่สุด เพราะประโยคนี้หมายถึง 

กลิ่นทุเรียนสามารถกระตุ้นการตอบสนองได้หลากหลาย ตั้งแต่ความชื่นชอบไปจนถึงความเกลียด

อ่านบทความ ระดับคะแนน Digital SAT Percentiles อัปเดต 2024! คลิกที่นี่

การท่องจำคำศัพท์เป็นสิ่งที่ดี แต่หากน้อง ๆ รู้ความหมาย รวมถึงบริบทของการใช้งานในแง่มุมต่าง ๆ อย่างถูกต้องไปด้วย จะทำให้ประสิทธิภาพของการใช้งานคำศัพท์นั้น ๆ เต็มที่มากขึ้น และอย่าลืมว่า Practice makes perfect! หลังอ่านบทความนี้จบแล้ว น้อง ๆ อย่าลืมไปฝึกฝนและทดลองใช้งานคำศัพท์ SAT English – Confusing Words ใหม่ ๆ เพิ่มเติมกันด้วย 

แต่ถ้าหากใครกำลังมองหาคอร์สติว Digital SAT ที่ตอบโจทย์การติวสอบในทุกด้าน ทั้งเนื้อหาสอบ เทคนิคสอบ คำศัพท์เฉพาะ และการได้ตะลุยโจทย์จริงแบบเข้มข้น ที่สถาบัน The Planner Education มีเปิดสอนคอร์ส SAT ให้น้อง ๆ ครบมากถึง 3 รูปแบบ 

  1. คอร์ส SAT Content (Regular) 120 ชั่วโมง: ติวเนื้อหา Content ทั้ง Math และ English ครบทุก Topic พร้อมฝึกทำโจทย์ Paper Practice เหมาะกับน้อง ๆ ที่ไม่มีพื้นฐาน SAT มาก่อน และต้องการติวข้อสอบแบบจัดเต็มตั้งแต่เริ่มต้น
  2. คอร์ส SAT Paper Practice 40 ชั่วโมง: คอร์สตะลุยโจทย์จริงจากข้อสอบ Digital SAT พร้อมเรียนเทคนิค ตอบไวโดยไม่เสียคะแนน เหมาะกับน้อง ๆ ที่มีพื้นฐาน SAT มาแล้ว แต่ยังต้องการฝึกทำโจทย์จริงให้คล่องมากขึ้น
  3. คอร์ส SAT Fast Track 20 ชั่วโมง: คอร์สติว SAT รวบรัด ที่เน้นเจาะเทคนิคและฝึกใช้สูตรลัดทำข้อสอบ SAT โดยเฉพาะ เหมาะกับน้อง ๆ ที่มีพื้นฐาน SAT หรือเคยสอบ SAT มาแล้ว และต้องการอัปคะแนนให้สูงขึ้น

นอกจากนี้ ทุกคอร์สติวสอบที่สถาบัน The Planner ยังมีบริการแบบ All-in-One Service ดูแลน้อง ๆ แบบครบจบในที่เดียว ตั้งแต่เริ่มสมัครสอบ ติดตามผลสอบ จนแนะแนวการยื่นคะแนนให้ติดคณะที่ต้องการ โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่ติวคอร์ส SAT ทั้ง 3 รูปแบบคอร์สทุกคน ยังมีโอกาสได้รับสิทธิ์เข้าสอบ SAT Mock Test ฟรี! ที่สถาบันเพื่อประเมินผลตนเองก่อนไปสอบจริงอีกด้วย

มองหาที่ติว SAT หรือยังไม่รู้ว่าจะติว SAT ที่ไหนดี ติว SAT ที่ The Planner ได้ครบทั้งติวเนื้อหา ทำโจทย์ พร้อม All-in-One Service ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ไม่ Confused ในห้องสอบ 100%! สนใจสอบถามตารางติวและวางแผนสอบกับพี่แอดมิน แอดไลน์ @theplanner  

สนใจติว GED | IGCSE | A-LEVEL | SAT | IELTS | ACT | GSAT | TOEFL-MUIC/MUIDS | CU-TEP | CU-AAT | CU-ATS | TU-GET | IB | AP | Academic Writing

ดูรายละเอียดคอร์สเรียนที่สนใจได้เลย!

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Line: @theplanner หรือ Phone: 095-726-2666

เพิ่มเพื่อน
Tags:

Leave a Reply