แบไต๋ SAT Eng ข้อสอบหัวจะปวดที่ใครก็ว่ายาก มันยากจริงหรือ?

น้องๆ คนไหน ที่กำลังเรียน SAT Eng หรือได้มีโอกาสผ่านสนามสอบ SAT ในพาร์ทของ English มาแล้วนั้น บางส่วนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้อสอบ SAT Eng นั้น “ยากมาก” จนเป็นเหตุให้หลายๆ คนทำข้อสอบไม่ทัน และพลาดคะแนนในหลายๆ ข้อ

ในบล็อกนี้ พี่ๆ The Planner สถาบันติว SAT จึงอยากชวนน้องๆ มาทราบสาเหตุเหล่านั้นที่เป็นผลทำให้ SAT Eng ดูเป็นข้อสอบที่ยากในแง่มุมของผู้ทำข้อสอบ จะมีอะไรบ้าง และจะสามารถปรับตัวให้รู้ทัน “ไต๋” หรือความลับของข้อสอบพาร์ทนี้ได้อย่างไร มาดูไปพร้อมๆ กัน

ทำไมข้อสอบ SAT พาร์ท English ถึงดูเหมือนจะยาก”?

  1. เป็นข้อสอบ Reading and Writing ล้วน
    พาร์ทภาษาอังกฤษของข้อสอบ SAT จะมุ่งเน้นการวัดความสามารถทางด้านการอ่านวิเคราะห์ รวมไปถึงการแก้ไขจุดผิดพลาดของประโยค (SAT Evidence-Based Reading and Writing) โดยจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ Reading Test และ Writing and Language Test

    แน่นอนว่า ข้อสอบชนิดนี้ไม่เหมือนกับการสอบ IELTS ที่มีพาร์ท Listening and Speaking มาช่วยเพิ่มคะแนนให้ เมื่อต้องมาสอบ SAT Eng จึงทำให้น้องๆ ที่ไม่เก่งด้านการอ่านจับใจความ  Grammar หรือการบอกถึงเหตุและผล ต้องพบกับความยากลำบากในระหว่างการสอบ เปรียบเหมือนกับการปีนเขาสูงชัน โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยมากพอเลยล่ะ

  1. ผู้สอบยังไม่เคยชินกับข้อสอบมากพอ
    จุดนี้ อาจเชื่อมโยงได้ไปถึงปริมาณการฝึกฝนและการทำความเข้าใจในโครงสร้างข้อสอบของน้องๆ เพราะการสอบ SAT Eng จะมีเนื้อหาบทความให้น้องๆ ได้อ่านและเลือกตอบอยู่หลายข้อ การที่เราไม่มีความคุ้นเคยกับข้อสอบประเภทนี้มาก่อน ก็อาจจะทำให้เวลาที่น้องๆ มาเจอ Passage ที่ต้องอ่านยาวๆ จะไม่สามารถลำดับความสำคัญได้ และเกิดการประหม่า หรือที่ศัพท์วัยรุ่นชอบพูดกันบ่อยๆ ว่า ‘สตั๊นท์’ นั่นเอง

    นอกจากนี้ การที่คลังศัพท์ในหัวน้องๆ มีไม่มากพอ ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เวลาน้องๆ มาอ่านบทความยาวๆ แล้วจะตีความเนื้อหาหรือแปลความหมายเหล่านั้นไม่ออก แย่กว่านั้นคืออาจตีความเนื้อหาผิดและทำให้เลือกคำตอบผิดไปเลยก็ได้ ทำให้สุดท้ายแล้ว ผลคะแนนที่ออกมาอาจไม่น่าพึงพอใจเท่าที่ควร

ทำยังไงถึงจะเพิ่มความมั่นใจในการสอบ SAT Eng?

  1. ศึกษาโครงสร้างข้อสอบให้ถ้วนถี่
    ปัญหาที่ทำให้น้องๆ หลายคนตกม้าตายคาสนามสอบ เพราะไม่ทราบโครงสร้างข้อสอบว่าประกอบด้วยเนื้อหาอะไรบ้าง รวมถึงเวลาที่จะใช้ในการทำข้อสอบในแต่ละพาร์ทนั้นๆ รายข้อ จึงอาจทำให้น้องๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่โจทย์พยายามจะสื่อสาร ต้องเสียเวลาอ่านทบทวนกลับไปกลับมาเพื่อให้เข้าใจจุดประสงค์ และอาจทำให้น้องๆ แบ่งเวลาในการทำข้อสอบของทั้งสองพาร์ทไม่ทันตามมา

    โครงสร้างข้อสอบฉบับคร่าวๆ ของ SAT Evidenced-Based Reading & Writing คือ Reading 5 passages และ Writing โดยในส่วน Reading จะประกอบด้วยหัวข้อ หรือประเด็นในบทความ ดังต่อไปนี้

  • S. / World Literature
  • S. Founding Document / Great Global Conversation
  • Science
  • Social Science

    และในส่วนของ Writing จะเป็นการวัดความคล่องแคล่วในส่วนของ Grammar เป็นต้น

  1. เพิ่มคลังศัพท์ในหัว
    คลังศัพท์ในที่นี้ ไม่ใช่การท่องศัพท์แบบเรื่อยเปื่อย แต่ควรจะเป็นการท่องศัพท์ที่วิเคราะห์มาแล้วว่าเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เราจะสอบตามโครงสร้างข้อสอบจริงๆ ซึ่งเราอาจจะค้นคำศัพท์จากแบบฝึกหัด หรือเทียบคำศัพท์จากแนวข้อสอบเก่าย้อนหลังหลายๆ ชุด หลายๆ ปี ซึ่งศัพท์เหล่านี้ บางครั้งมีการออกสอบซ้ำๆ หรือออกสอบบ่อยอยู่ด้วย

    เหตุผลว่าทำไมต้องมีห้องสมุดคำศัพท์ขนาดใหญ่อยู่ในหัว เนื่องจากช่วยลดปัญหาการตัน การแปลไม่ออก หรือการตีความเนื้อหาผิดความหมาย จนทำให้เราเลือกคำตอบในข้อที่ไม่ถูกต้องนั่นเอง นอกจากนี้ การที่เรารู้ Keyword หรือคำสำคัญใน Passage นั้นๆ แล้ว จะทำให้เราประหยัดเวลาในการอ่านเนื้อหาทั้งหมดมากขึ้น และมีเวลาเหลือมากพอในการอ่านบทความข้อถัดไป หรือมีโอกาสได้ย้อนกลับมาตรวจทานคำตอบเดิมมากขึ้น

  1. การฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพ สู่ผลสอบที่มีคุณภาพ
    จุดนี้สำคัญมากๆ น้องๆ ควรมีการเตรียมพร้อมอย่างเข้มข้นก่อนลงสนามสอบจริง เพราะจะทำให้น้องๆ เกิดความคุ้นเคย และเข้าใจในความเป็น SAT Eng เพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ หรือดูข้อสอบภาษาอังกฤษย้อนหลังเท่านั้น แต่ต้องมีหลักการวิเคราะห์ถึงเหตุและผลในการที่เราจะเลือกคำตอบที่ถูกต้องในข้อสอบข้อใดข้อหนึ่งด้วย

    นอกจากนี้ เนื้อหาในการเตรียมพร้อม หรือช่วงเวลาที่เราใช้ในการเตรียมพร้อมนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความใส่ใจ การมีผู้แนะนำหรือคุณครูที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในการเรียน SAT Eng มาคอยปรับจูนแนวคิดและการวิเคราะห์ของเรา ก็จะทำให้เรารู้เคล็ดลับ หรือหลักในการจำจุดสำคัญที่ในในการสอบที่สนามจริงได้มากขึ้น ทำให้น้องๆ เหนื่อยน้อยลง และเกิดความกดดันในการทำข้อสอบวันจริงน้อยลง

    สรุปคือ ตัวข้อสอบ SAT Eng เองอาจจะไม่ได้ยากมากอย่างที่น้องๆ เข้าใจ แต่วิธีการได้มาซึ่งคำตอบในข้อสอบนั้นๆ จากผู้ทำข้อสอบเองต่างหาก ที่ทำให้ภาพรวมข้อสอบมันดูยาก ถ้าเราเตรียมพร้อมมาก่อนเป็นอย่างดี มีการติวเข้ม มีการเรียน SAT เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจในตัวข้อสอบ การสอบ SAT Eng ก็อาจจะไม่ใช่อุปสรรคของเราอีกต่อไปก็ได้ พี่ๆ จากโรงเรียนติว SAT The Planner Education  ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน

สนใจติว IELTS | IGCSE | A-Level | GED | SAT | IELTS | TOEFL-MUIC | CU-TEP | TU-GET | GSAT | CU-ATT | CU-ATS | BMAT | ACT เพื่อคว้าคะแนนและมหาวิทยาลัยในฝันหรือยัง? ดูรายละเอียดคอร์สเรียนที่สนใจได้เลย!

เราพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ ไม่ว่าจะมหาลัยในไทยหรือต่างประเทศ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 095-726-2666
หรือ LINE: @theplanner

เพิ่มเพื่อน
Tags:

Leave a Reply