หลังสอบรอบรู้ มีคะแนนสอบ SAT แล้ว เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง?

บทความนี้ พี่ The Planner ขอสานต่อเนื้อหาหลังจากที่น้อง ๆ ได้รู้ข้อมูลเบื้องต้นกันมาบ้างแล้วนะคะ ว่าการสอบ SAT จะทดสอบเพื่อวัดทักษะด้านวิชาการและความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล หรือ “Thinking Skills” ในวิชาคณิตศาสตร์และวิชาภาษาอังกฤษ ของน้อง ๆ นักเรียนมัธยมปลาย โดยเฉพาะสายอินเตอร์ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าเมื่อน้อง ๆ มีคะแนน SAT อยู่ในมือแล้ว จะเอาไปทำอะไรต่อได้บ้าง? และขั้นตอนการใช้ประโยชน์จากคะแนน SAT ที่น้อง ๆ มี เป็นอย่างไร? วันนี้ เรามาค้นพบคำตอบทั้งหมดไปพร้อม ๆ กันได้เลย Consult a Personalised Tutoring Click Here จุดประสงค์ในการสอบ SAT SAT หรือ Scholastic Aptitude Test คือ ข้อสอบที่มีวัตถุประสงค์ในการ “ใช้ประกอบการพิจารณารับเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในระบบการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงมหาวิทยาลัย/คณะอินเตอร์หลาย ๆ แห่งในประเทศไทย”[...]

คำถามยอดฮิตที่นักเรียนSATอยากรู้

สำหรับน้องๆ นักเรียนที่เพิ่งจะจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นหรือนักเรียนที่กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย คงจะรู้จักการสอบ SAT ดีอยู่แล้วหรือสนใจเรียนติว SAT กันบ้างแล้ว สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่รู้ว่า SAT คืออะไรก็มาทำความรู้จักกันเลย SAT คืออะไร ตอบ การสอบ SAT เป็นการสอบวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ใครควรเรียน SAT หรือ สอบ SAT ตอบ เหมาะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทั้งแบบภาคปกติและแบบสอบเทียบที่ต้องการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่จะทดสอบประมาณ 1-2 ครั้งในช่วงมัธยมปลาย เพื่อให้คุ้นเคยการการทำข้อสอบSAT SAT สอบอะไรบ้าง ตอบ ข้อสอบ SAT มี 2 ประเภทคือ SAT Reasoning Test และ SAT Subject Test SAT Reasoning Test คือข้อสอบที่ใช้วัดทักษะนักเรียนที่จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายควรมี ประกอบไปด้วยข้อสอบ 3 ส่วน มีคะแนนเต็ม 2400[…]

ติว SAT เอง VS. เรียน SAT กับติวเตอร์ อย่างไหนดีกว่ากัน

มหาวิทยาลัยในต่างประเทศและมหาวิทยาลัยในไทยที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์เนชั่นแนลส่วนใหญ่ต้องการผลการสอบ SAT นักเรียนที่อยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และปีที่ 5 และนักเรียนสอบเทียบ GED หรือ IGCSE จึงจำเป็นต้องเตรียมตัวสอบ SAT เพื่อยื่นเป็นเอกสารประกอบการสมัครเข้าเรียน การเตรียมตัวสอบSAT สามารถอ่านหนังสือและฝึกทำข้อสอบเก่าด้วยตนเอง หรือจะไปเรียนSAT กับติวเตอร์ก็ได้ ซึ่งมีอยู่หลายสถาบันที่เปิดรับติวSATนี้ ไม่ว่าจะเรียนเองหรือเรียนกับติวเตอร์ต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ข้อดีของการอ่านหนังสือด้วยตัวเอง ประหยัด ไม่ต้องเดินทาง ซึ่งคุณอาจจะใช้เวลาที่ต้องเสียในการเดินทางไปฝึกทำข้อสอบได้ไม่น้อยเลยทีเดียว มีเวลาอ่านหนังสือได้ตลอดเวลา ข้อเสียของการอ่านหนังสือด้วยตัวเอง อาจจะพลาดเทคนิคในการทำโจทย์ที่ติวเตอร์หรือครูได้มีการรวบรวมมาสอนให้กับเด็กที่มานั่งเรียนSATที่สถาบัน และอาจจะไม่สามารถบังคับตนเองให้อ่านหนังสือได้ตามตารางที่กำหนดไว้ ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่บ้านอาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อการอ่านหนังสือ ข้อดีของการติว SAT กับติวเตอร์ การติวSAT ช่วยแบ่งเบาภาระในการเตรียมตัวสอบ นอกจากนี้ยังสร้างความมั่นใจในการสอบ เพราะติวเตอร์มักจะรวบรวมเทคนิคต่างๆ ในการทำข้อสอบโดยยึดแนวข้อสอบของปีที่ผ่านๆ มาให้นักเรียนฝึกทำ ทำให้นักเรียนคุ้นเคยกับโจทย์และรู้แนวข้อสอบที่จะออกในครั้งต่อไป การเรียน SAT กับสถาบัน ติวเตอร์จะช่วยวางแผนตั้งแต่การเรียนจนสอบเสร็จและยื่นคะแนน ส่วนใหญ่ติวเตอร์จะช่วยเหลือนักเรียนตั้งแต่การสมัครไปจนจบกระบวนการเพื่อลดภาระให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง ช่วยทบทวนวิชาที่เรียนมาตลอดทั้งปีเพราะในการเรียนกวดวิชานั้น นอกจากนี้ยังได้เรียนบทเรียนใหม่ๆ ล่วงหน้าก่อนที่โรงเรียนจะสอน ทำให้เมื่อเวลาไปเรียนที่โรงเรียนจะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่ได้เรียนล่วงหน้า ติวเตอร์ส่วนใหญ่จะมีความเป็นกันเองกับนักเรียน การเรียนSATไม่เคร่งเครียดเหมือนในห้องเรียนที่โรงเรียน ทำให้กล้าคุยกล้าซักถามปัญหาการเรียนได้ตลอด ซึ่งมีส่วนช่วยให้เด็กมีความเข้าใจเนื้อหามากขึ้น ติวเตอร์เชี่ยวชาญโจทย์ของSAT เพราะการสอนที่เน้นในเรื่องๆ เดียวทำให้สามารถเจาะลึกในประเด็นปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่าเรียนที่โรงเรียนหรือฝึกด้วยตนเอง[…]

เรียน SAT พร้อมสรุปเทคนิคพิชิตข้อสอบ SAT

ปริญญาบัตรธรรมดาๆ อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในยุคสมัยนี้ ทำให้นักเรียนนักศึกษาในปัจจุบันต้องขยันเพิ่มขึ้นให้มาก การได้เรียนในหลักสูตรนานาชาติก็เป็นโพรไฟล์ชั้นดีสำหรับตัวนักเรียนเองนอกจากนี้ยังนำมาซึ่งความภูมิใจของผู้ปกครองได้อีกด้วย การสอบ SAT เป็นใบเบิกทางสำคัญที่จะทำให้เข้าเรียนในหลักสูตรนานาชาติ เราจึงรวบรวบเทคนิคดีๆ เพื่อพิชิตข้อสอบ SAT มาฝากกัน ดังต่อไปนี้ จัดตารางเวลาในการเรียนSAT หรืออ่านหนังสือและแบ่งเวลาสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆให้ดี และทำตามตารางที่จัดไว้ ประเมินตัวเองมองหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองในวิชาต่างๆ เพื่อจะได้ให้เน้นหนักในวิชาที่อ่อนและเสริมในส่วนที่เราทำได้ดีอยู่แล้วให้เหมาะสมกับเวลาที่มี เรียน SATพร้อมๆไปกับการตะลุยข้อสอบ SAT เก่าให้มาก ทำให้เราคุ้นเคยกับข้อสอบและรู้แนวทางในการคำตอบ ซ้อมทำโจทย์แบบจับเวลา เพื่อฝึกความเคยชินกับการทำข้อสอบในสภาวะที่กดดัน เพราะในสนามสอบจริงเมื่อเรามีเวลาที่จำกัดเราอาจจะตื่นเต้นลนลาน ไม่มีสมาธิจนทำให้เสียเวลากว่าจะปรับตัวได้ เพราะฉะนั้นการฝึกทำข้อสอบแบบจับเวลาช่วยสร้างความเคยชินและลดความตื่นเต้นได้ ดูแลสุขภาพพักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้สมองเราจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ไม่ควรหักโหมจนร่างกายเจ็บป่วยเมื่อถึงวันสอบจริง เวลาเรียน SAT หรือช่วงกำลังฝึกฝนทำข้อสอบ SAT อ่านโจทย์ให้เข้าใจครบถ้วนในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าเจอโจทย์ยาวเกินไป ให้ข้ามไปทำข้ออื่นก่อนเมื่อเวลาเหลือค่อยกลับมา ในส่วน Critical Reading ให้กวาดสายตาหาเรื่องที่เราถนัดหรือคุ้นเคยก่อน แล้วค่อยกลับมาทำส่วนที่ไม่คุ้นเคยภายหลัง ข้อสอบตัวเลือกถ้าไม่เข้าใจโจทย์และไม่สามารถตัดchoiceได้เลย ไม่ควรเดาเพราะถ้าตอบผิดจะถูกหักคะแนน 0.25 คะแนนต่อ 1 ข้อ เวลาในการสอบSAT นั้นแบ่งเป็นชุดคำถามหลายๆชุด การจัดสรรเวลาในการสอบที่ดีจะทำให้เราใช้เวลาได้คุ้มค่ามากที่สุด ในข้อสอบส่วนการเขียน Essay ไม่ควรใช้ศัพท์ยากเกินไป ถ้าเราไม่มั่นใจในคำนั้นจริงเพราะแทนที่จะช่วยให้ได้คะแนนอาจจะเป็นตัวฉุดคะแนนก็เป็นได้ ข้อสอบคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่เนื้อหาจะอยู่ในตอนม.ปลาย[…]

เรียน SAT ด้วยสุดยอดวิธีจำคำศัพท์แบบขั้นเทพ

การเรียน SAT หรือแม้แต่การสอบ SAT หรือสอบวัดระดับภาษาอังกฤษต่างๆ แน่นอนว่าข้อสอบทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นหัวใจสำคัญของการพิชิตข้อสอบอย่างSATนั้น จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่ถ้าไม่ใช่ คำศัพท์ เพราะถ้าไม่รู้คำศัพท์ก็ย่อมไม่เข้าใจความหมายของเนื้อหาข้อสอบ วิธีการจดจำคำศัพท์มากมายในเวลารวดเร็วนั้นสามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องเหนือความสามารถของผู้ที่มีความพยายามและมีความตั้งใจจริง เทคนิคการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ มีดังต่อไปนี้ Flash Card ท่องจำคำศัพท์ใหม่ๆ โดยใช้บัตรคำหรือ Flash Card เล็กๆ อาจจะร้อยเข้าในห่วงให้สามารถพกติดตัวไปในที่ต่างๆ ได้ เมื่อมีเวลาว่างหรือจำเป็นต้องรออะไรบางอย่างก็สามารถหยิบขึ้นมาท่องได้ตลอดเวลา Mind Map ผู้เชี่ยวชาญได้พยายามคิดค้นวิธีการที่จะทำให้คนมีความทรงจำที่ดีขึ้น สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือ Mind Map นี่เอง ซึ่งมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้มนุษย์จดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าการท่องจำหลายเท่า โดยเขียนเป็นรูปภาพขึ้นมา เลือกคำศัพท์ที่มีความเชื่อมโยงกันเป็นกลุ่มเดียวกันจะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น ใช้คำศัพท์นั้นบ่อยๆ โดยอาจจะใช้การอ่านหนังสือหรือวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ที่จำเป็นต้องท่อง เพื่อที่จะได้เห็นมันบ่อยๆ เมื่อจำไม่ได้ก็เปิดดู หรือใช้คำศัพท์นั้นในชีวิตประจำวัน การท่องศัพท์ครั้งแรกสมองจะจดจำในความทรงจำระยะสั้น(short memory) เมื่อเราใช้มันสมองจะจำในสมองส่วนลึกเพราะสมองจะคิดว่าข้อมูลนั้นสำคัญ หลักการก็คือ สมองจะจดจำสิ่งที่คิดว่าสำคัญเท่านั้น เพราะฉะนั้นจงใช้ ใช้ และใช้ แชร์คำศัพท์ คือการบอกต่อหรือช่วยสอนคนอื่น นักเรียนที่เก่งส่วนมากเป็นนักเรียนที่สอนคนอื่น ยิ่งสอนคนอื่นตัวเองยิ่งจำได้เพราะสมองจะยิ่งจดจำสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นๆ เพราะสมองจะจดจำสิ่งที่มันคิดว่ามันสำคัญ เมื่อเราใช้บ่อยแชร์บ่อยแบ่งปันบ่อยสมองก็จะเข้าใจว่าสิ่งนี้สำคัญ การเรียน[…]

ความแตกต่างของการติวIGCSE และ เรียนGED และ เรียนSAT จะเลือกสอบตัวไหนดี

นักเรียนในวัยมัธยมศึกษาที่ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ หรือมหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทย และโดยเฉพาะนักเรียนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนนานาชาติทั้งหลาย คงจะรู้จัก IGCSE และ GED กันเป็นอย่างดี ว่าเป็นตัวช่วยที่สามารถเลื่อนไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้เพียงสอบ IGCSE หรือ GED ก็ได้ ส่วนการสอบ SAT นั้นมีความแตกต่างกับ IGCSE และ GED เพราะ SAT ไม่ใช่วุฒิม.6 IGCSE และ GED และ SAT แตกต่างกันอย่างไร จะเลือกสอบตัวไหนหรือต้องใช้ตัวไหนเพื่อยื่นเข้ามหาวิทยาลัย วันนี้จะมาลองเปรียบเทียบให้ดูกันค่ะ   เริ่มต้นอยากจะขอทบทวนก่อน ว่า IGCSE และ GED และ SAT คืออะไร IGCSE คือ การสอบเพื่อเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อนำวุฒินี้ไปยื่นเข้าศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ หรือมหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทยบางแห่ง และหากเป็นการสอบในโรงเรียนระบบอังกฤษจะเป็นการสอบเพื่อที่จะเข้าศึกษาในระดับ A Level และ As Level ใน Year 12 และ Year[…]

ติวSATอย่างไรดี ฝึกทำข้อสอบ SAT เรียนSATที่ไหนดี

เรียน SAT ที่ไหนดี เป็นคำถามยอดฮิตมากในหมู่นักเรียนที่ต้องการเรียน SAT ให้มีประสิทธิภาพเพื่อคะแนนที่สูง เพราะนักเรียนเหล่านี้มีจุดเป้าหมายที่แน่ชัด ว่าตนอยากจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ หรือคณะในฝัน ดังนั้นผู้เขียนเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะเรียน SAT แล้วไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ ในประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพนั้น มีสถาบันที่เปิดสอน SAT มากมายซึ่งหลายๆคนที่เข้ามาอ่านตรงนี้คงกำลังหาที่เรียนกันอยู่ มีปัจจัยหลายอย่างที่น้องๆควรจะพิจารณาก่อนเลือกเรียน SAT นะคะ ตัวอย่างเช่น ครูผู้สอนมีศักยภาพมากน้อยเพียงใด เชี่ยวชาญหรือเปล่า มีเทคนิคอะไรแนะนำมั้ย การเรียนการสอนของสถาบันนั้นๆ อัพเดทข้อมูลเป็นประจำหรือเปล่า มีแนวข้อสอบที่ใกล้เคียงมั้ย ผู้เรียนเดินทางไปเรียนสะดวกหรือไม่ ราคาสมเหตุสมผลหรือเปล่า กลุ่มใหญ่เกินไปมั้ย เพราะหากกลุ่มใหญ่เกินไปจะทำให้การสอนนั้นไม่ทั่วถึง วันนี้จึงอยากขอแนะนำสถาบันติวSATให้ได้รู้จักคือ The Planner Education อาจารย์ที่ The Planner Education เชี่ยวชาญทุกรูปแบบคำถามของ SAT มีเทคนิคในการวิเคราะห์โจทย์และคำถามให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ สามารถแนะแนวข้อสอบ และมีการอัพเดท ติดตามข้อมูลการสอบ SAT อยู่เสมอ การสอนเป็นการสอนแบบกลุ่มเล็กๆ สอนสด The Planner Education ยังช่วยวางแผนตั้งแต่การเรียนจนสอบเสร็จและยื่นคะแนน ทำให้ The Planner Education[…]

เรียนSAT ติวSAT ดูแนวข้อสอบ SAT

ข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่ใช้เวลาจำกัดในการทำข้อสอบ และยิ่งหากเราตอบผิดก็ยังจะถูกหักคะแนนอีก ดังนั้นเราต้องฝึกทำข้อสอบให้เสร็จภายในเวลา และต้องถูกต้องแม่นยำด้วย จึงอยากจะขอแนะแนวข้อสอบว่า SAT แต่ละส่วนนั้นต้องการวัดผลอย่างไร แนวข้อสอบเป็นอย่างไร ขอเริ่มจากส่วน Critical Reading ส่วนนี้ให้เวลา 70 นาที โดยสอบ Passage-based reading 48 ข้อและ Sentence completion Questions อีก 19 ข้อ Passage-based reading คือ ให้เราอ่านบทความที่ให้มา จับใจความและเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดของคำถามข้อนั้นๆ Sentence completion Questions คือ ทำให้ประโยคสมบูรณ์ จะให้ประโยคมาและเว้นช่องว่างไว้ ให้เราหาว่าในช่องว่างนั้นควรจะเป็นคำว่าอะไร จึงจะทำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ แนะนำ >อ่านให้เร็ว อย่าลืมว่ามาสอบ เวลาก็มีจำกัด >ลองหาข้อสอบเก่าๆ มาฝึกทำและจับเวลาดูค่ะ ทำทันมั้ย ตอบถูกรึเปล่า ฝึกเยอะๆ จะได้ชินตา และสังเกต คำศัพท์ พร้อมท่องจำไปด้วย ข้อสอบ SAT[…]

The New SAT (Redesigned SAT 2016) เรียนSAT ติวSAT

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การสอบ SAT จะมีการเปลี่ยนแปลง โดยที่หน้าเว็บไซต์ https://sat.collegeboard.org ได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้สอบได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นกันอย่างชัดเจน แล้วจะเปลี่ยนเมื่อไหร่? เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? แล้วมีผลกระทบอะไรบ้าง? การสอบ SAT แบบปกติที่เราเคยสอบกันอยู่นั้น จะสิ้นสุดลงหลังจากการสอบในช่วงเดือน มกราคม 2016 และจากนั้นการสอบในวันที่ 5 มีนาคม 2016 จะเป็นการเริ่มสอบ SAT ในรูปแบบใหม่อย่างเป็นทางการ (การสอบ SAT แบบใหม่ในประเทศไทยจะเริ่มเดือนพฤษภาคม โดยงดการสอบในเดือนมีนาคม) ในส่วนของการของเปลี่ยนแปลงสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้โดยตรงที่เว็บไซต์https://collegereadiness.collegeboard.org/sat และขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้ หัวข้อสำคัญ SAT แบบเดิม SAT แบบใหม่ ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ SAT with Essay $54.50 >SAT $43 > SAT with Essay $54.50 การสอบ Essay จำเป็นต้องสอบเพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสอบ Writing และนำคะแนนมาคิดรวม ไม่จำเป็นต้องสอบ เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ผลคะแนน แต่หากสอบคะแนนก็จะไม่ถูกนำมารวมกับส่วนของ[…]

การสอบ SAT ในประเทศไทย

SAT คือเกณฑ์มาตรฐานโดยไม่ดูผลการเรียนจากโรงเรียนมาพิจารณาเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ในประเทศสหรัฐอเมริกาในระดับการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย (High School) หรือเปรียบเทียบได้กับการสอบคัดเลือกระดับชาติ (Admission) ในประเทศไทยนั่นเอง การนำการสอบ SAT เข้ามาในประเทศไทยก็เพื่อให้นักเรียนที่ต้องการเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกาในระดับมหาวิทยาลัยได้นำผลการสอบไปใช้ในการประกอบการพิจารณา หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทยบางแห่ง ข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบชุดเดียวกันทั่วโลก คะแนนก็นำไปคิดในเกณฑ์เดียวกันทั่วโลก และยังเป็นข้อสอบแบบจับเวลา และยังถูกหักคะแนนหากตอบผิด ทำความรู้จัก SAT SAT ถูกออกแบบและพัฒนาโดย College Board องค์กรในสหรัฐอเมริกา เราสามารถสมัครสอบ และดูผลการสอบ SAT ได้ที่ https://sat.collegeboard.org/home เพียงที่เดียวเท่านั้น SAT จะมีข้อสอบการวัดความถนัด 3 ส่วน แต่ละส่วนมีคะแนนเต็มส่วนละ 800 คะแนน รวมทั้งหมด 2,400 คะแนน เวลาในการทำข้อสอบประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่ละส่วนได้แก่ ส่วนที่ 1 การอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ (Critical Reading) เป็นแบบมีบทความมาให้แล้วตอบคำถาม (Passage) และการเติมประโยคให้สมบูรณ์ (Sentence completions)[…]

การเปลี่ยนแปลงของ SAT ในปี 2016 (Redesigned SAT 2016)

ทราบหรือไม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การสอบ SAT จะมีการเปลี่ยนแปลง ทราบได้อย่างไร ข่าวมั่วหรือเปล่า ลองมาดูนี่เลยค่ะ ที่หน้าเว็บไซต์ https://sat.collegeboard.org ลองกดเข้าไปดูเลย เห็นหรือยังค่ะ ถ้ายังไม่เห็นจะชี้เป้าให้ค่ะ กรอบสีเหลืองบอกไว้ชัดเจนค่ะ เห็นมั้ยละ ไม่ใช่ข่าวมั่วนะคะ แล้วจะเปลี่ยนเมื่อไหร่? เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? แล้วมีผลกระทบอะไรบ้าง? การสอบ SAT แบบปกติที่เราเคยสอบกันอยู่นั้น จะสิ้นสุดลงหลังจากการสอบในช่วงเดือน มกราคม 2016 และจากนั้นการสอบในวันที่ 5 มีนาคม 2016 จะเป็นการเริ่มสอบ SAT ในรูปแบบใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศอเมริกา ส่วนที่ประเทศไทยนั้นจะเริ่มสอบรอบเดือนพฤษภาคม 2016 ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงน้องๆ สามารถเข้าไปเช็คดูรายละเอียดได้โดยตรงที่เว็บไซต์https://collegereadiness.collegeboard.org/sat และขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ หัวข้อสำคัญ SAT แบบเดิม SAT แบบใหม่ ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ SAT with Essay $54.50 >SAT $43> SAT with Essay $54.50 การสอบ Essay[…]

ติว SAT เรียน SAT และดูตัวอย่างข้อสอบ SAT กันดีกว่า

ไม่ว่าข้อสอบจะเป็นยังไง แต่ถ้ามีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมที่ดี จะยากแค่ไหน จะมาในรูปแบบใด เราก็ทำได้ทั้งนั้น!!! เรียกขวัญและกำลังใจกันแล้ว มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่ใช้เวลาจำกัดในการทำข้อสอบ และยิ่งหากเราตอบผิดก็ยังจะถูกหักคะแนนอีก ดังนั้นเราต้องฝึกทำข้อสอบให้เสร็จภายในเวลา และต้องถูกต้องแม่นยำด้วย งั้นมาค่ะ เดี๋ยวจะเอาเทคนิคดีๆ มาเสนอแนะเป็นแนวทางการอ่านหรือฝึกทำข้อสอบกันค่ะ ขอเริ่มจากส่วน The critical reading ส่วนนี้ให้เวลา 70 นาที โดยสอบ Passage-based reading 48 ข้อ และ Sentence completion Questions อีก 19 ข้อ Passage-based reading คือ ให้เราอ่านบทความที่ให้มา จับใจความและเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดของคำถามข้อนั้นๆ แนะนำ >อ่านให้เร็ว อย่าลืมว่ามาสอบ เวลาก็มีจำกัด >คำศัพท์ที่เจอส่วนใหญ่เป็นศัพท์สูงๆ ศัพท์เฉพาะ ควรฝึกอ่านวรรณกรรม และท่องศัพท์ให้มากๆ >ลองหาข้อสอบเก่าๆ มาฝึกทำและจับเวลาดูค่ะ ทำทันมั้ย ตอบถูกรึเปล่า ฝึกเยอะๆ จะได้ชินตา[…]

อัตราค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ SAT

[et_pb_section fb_built=”1″ admin_label=”section” _builder_version=”3.0.47″][et_pb_row admin_label=”row” _builder_version=”3.0.48″ background_size=”initial” background_position=”top_left” background_repeat=”repeat”][et_pb_column type=”4_4″ _builder_version=”3.0.47″][et_pb_text admin_label=”Text” _builder_version=”3.19.17″ background_size=”initial” background_position=”top_left” background_repeat=”repeat”] อัตราค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ SAT (กรณีเลือกสอบนอกประเทศสหรัฐอเมริกา – สอบในประเทศไทย) ค่าธรรมเนียมคิดเป็นสกุลเงิน “ดอลลาร์” ทั้งหมด โดยแบ่งเป็น ส่วนที่ 1 International Test & Registration Fees การสอบแบบนานาชาติและค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ SAT ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ $54.50 SAT Subject Tests ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ Basic Subject Test Fee (per registration) $26 SAT Subject Tests ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบในหมวดวิชา Language with Listening Tests[…]

ขั้นตอนของ SAT ตั้งแต่ติวSAT จนถึง สอบSAT

ขั้นตอนแรกเป็นขั้นตอนการสมัครสอบ แล้วเค้าสมัครกันที่ไหน? อย่างที่รู้กันว่าข้อสอบ SAT ถูกออกแบบและพัฒนาโดย The College Board องค์กรในสหรัฐอเมริกาและการสอบ SAT สอบด้วยข้อสอบเดียวกัน เวลาสอบเดียวกันเหมือนกันทั่วประเทศ การสมัครสอบก็สามารถทำได้เพียงหนึ่งช่องทางเท่านั้นคือสมัครสอบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://sat.collegeboard.org/home ขั้นตอนที่สอง หากเป็นคนที่เคยสมัครสอบ SAT มาแล้วจะมี Username และ Password ให้ทำการล็อกอินเข้าสู่ระบบ เมื่อเข้าสู่ระบบแล้วเว็บก็จะแสดงข้อมูลต่างๆ ของเราทั้งข้อมูลการสอบก่อนหน้า ผลการสอบในครั้งก่อนๆ หากจะสมัครสอบอีกก็คลิกเลือกวันที่ต้องการจะสอบ และทำการสมัครสอบได้เลย แต่หากเป็นคนที่เพิ่งมาสมัครสอบครั้งแรก จะต้องทำการลงทะเบียนเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ก่อน แล้วจึงจะทำการสมัครสอบได้ ข้อควรรู้ ในแต่ละปี The College Board จะเปิดให้สอบถึง 6 ครั้งในประเทศไทยคือในเดือน มกราคม, พฤษภาคม, มิถุนายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม สามารถเข้าไปตรวจสอบตารางวันเปิดรับสมัคร วันสอบได้ที่หน้าเว็บไซต์ https://sat.collegeboard.org/home ได้เลยค่ะ ดังรูปตัวอย่างด้านล่างนี้ ขั้นตอนที่สาม การเลือกวันสอบควรดูความพร้อมของน้องๆ ด้วยนะคะ ว่าวันที่เราเลือกนั้นเราพร้อมสำหรับการสอบจริงๆ เพราะสอบออกมาแล้วคะแนนไม่ดี น้องๆ[…]

ไปเรียนต่ออเมริกาต้องรู้จัก SAT

SAT ในประเทศสหรัฐอเมริการะดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (High School) มีระบบการเรียนการสอนหลากหลายรูปแบบ ทั้งเกณฑ์การวัดผลก็แตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน จึงทำให้เกิดการสอบ SAT เพื่อนำผลการสอบมาใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานโดยไม่ดูผลการเรียนจากโรงเรียนมาพิจารณาเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรือเปรียบเทียบได้กับการสอบคัดเลือกระดับชาติ (Admission) ในประเทศไทยนั่นเอง ข้อสอบของ SAT จะวัดความรู้ทางด้านการอ่านภาษาอังกฤษ การเขียนภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์เป็นสำคัญ ดังนั้นน้องๆ ที่กำลังจะจบมัธยมศึกษาตอนปลายและมีแผนที่จะไปศึกษาต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา จำเป็นต้องมีผลสอบ SAT ที่อยู่ในเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ สรุปง่ายๆ SAT ก็คือเกณฑ์การวัดผลมาตรฐานที่ใช้ในการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา จะเรียนต่ออเมริกาจะต้องสอบ SAT เข้าใจตรงกันนะ แต่เดี๋ยวก่อนมหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติบางที่ บางคณะก็ใช้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นจะไปเข้าอินเตอร์ที่ไหนอย่าลืมดูให้ดีด้วยนะคะ ว่าต้องใช้ผลสอบ SAT หรือไม่ เจาะลึก SAT ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น SAT จะมีข้อสอบการวัดความถนัด 3 ส่วน แต่ละส่วนมีคะแนนเต็มส่วนละ 800 คะแนน รวมทั้งหมด 2,400 คะแนน เวลาในการทำข้อสอบประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่ละส่วนได้แก่ ส่วนที่ 1 การอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ (Critical[…]

ทำไมต้องสอบ SAT

SAT Reasoning Test ถูกพัฒนาขึ้นโดย College Board ของประเทศอเมริกา เป็นข้อสอบวัดความถนัดในวิชาภาษาอังกฤษ(Verbal)และวิชาเลข(Mathematics) ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆด้วยกัน