Francis Bacon นักปราชญ์ รัฐบุรุษ นักวิทยาศาสตร์ นักกฎหมาย และ นักเขียน ชาวอังกฤษเคยกล่าวไว้ว่า “Knowledge is Power” มีความหมายว่า “ความรู้ คือ พลัง” ดังนั้น โอกาสแห่งเรียนรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งน้องๆที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนต่างก็มีเส้นทางในการเรียนรู้ต่างๆกันออกไป บางคนอยู่ในระบบการศึกษา บางคนเรียนแบบ Home School หรือบางคนเรียนรู้จากระบบการศึกษานอกโรงเรียน เป็นต้น บทความนี้เราจะแนะนำให้น้องๆรู้จักกับประตูแห่งการศึกษาอีกแบบหนึ่งที่เราเรียกกันว่า GED (จีอีดี) ซึ่งชื่อเต็มก็คือ General Educational Development นั่นเอง
ในแวดวงการศึกษาต่อเราอาจจะเคยได้ยินคำว่า “การสอบ GED” กันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการสอบ GED คืออะไรกันแน่ และสอบไปแล้วจะเอาผลไปใช้อะไรได้บ้าง ดังนั้น เรามาเริ่มกันตั้งแต่นิยามของ GED กันเลย
GED (General Educational Development) คือ การสอบเทียบวุฒิการศึกษาระดับ High School Diploma ของระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา ถ้าเทียบกับในประเทศไทยเราก็คือ การสอบเทียบเท่าระดับมัธยมปลาย หรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งคุณสมบัติของผู้สอบก็คือ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถสมัครสอบได้ โดยไม่ได้กำหนดว่าผู้สอบจะอยู่ในระบบการศึกษามาก่อนหรือไม่
การสอบ GED ในประเทศไทยนั้น ใช้มาตรฐานเดียวกันกับการสอบของนักเรียน High School ในสหรัฐอเมริกา โดยข้อสอบจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จำนวน 5 วิชา ได้แก่
- Language Arts; Reading (การอ่านภาษาอังกฤษ)
- Language Arts; Writing (การเขียนภาษาอังกฤษ)
- Social Studies (สังคมศึกษาและประวัติศาสตร์)
- Mathematics (คณิตศาสตร์)
- Science (วิทยาศาสตร์)
ในการสอบ ทุกวิชาจะทำการสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับแต่ละวิชา โดยข้อสอบ GED จะเป็นแบบปรนัย (Multiple choices) ทุกวิชา ยกเว้นในส่วนของ Language Arts; Writing Part II ซึ่งเป็นการเขียน Essay หรือเรียงความภาษาอังกฤษ แต่ละวิชาจะมีคะแนนเต็ม 800 คะแนน ผู้สอบจะต้องสอบผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ 410 คะแนนขึ้นไปในทุกวิชา โดยการสอบ GED จะดำเนินการผ่านศูนย์ทดสอบกลาง ซึ่งผู้สอบสามารถสมัครสอบและกำหนดตารางสอบของตนเองได้ทางเว็บไซท์ www.ged.com โดยผู้ที่จัดการสอบก็ คือ ศูนย์ทดสอบ Pearson Vue (www.pearsonvue.com)
เมื่อสอบผ่านแล้ว ผู้สอบก็จะสามารถใช้ GED Certificate ในการสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยรัฐบาลภาคอินเตอร์และมหาวิทยาลัยเอกชนทั้งภาคไทยและอินเตอร์ในประเทศไทย หรือสมัครเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศก็ได้เช่นกัน แต่ถึงแม้ว่าปัจจุบันการสอบ GED จะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ทุกคณะ และทุกมหาวิทยาลัยที่รับ GED Certificate ในการพิจารณาเข้าศึกษาต่อ ทั้งนี้ผู้สอบต้องศึกษาข้อมูลหรือสอบถามกับทางหลักสูตรของมหาวิทยาลัยให้แน่ชัดด้วย
การสอบ GED ถือเป็นประตูบานหนึ่งที่ช่วยให้น้องๆก้าวเข้าสู่การศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้เร็วยิ่งขึ้นหากเราสามารถพิชิตประตูบานนี้ได้ จะนำเราเข้าไปสู่โลกแห่งการเรียนรู้ที่กว้างมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญการสอบ GED นั้น ยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้ที่มีศักยภาพทางความรู้ แต่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาโดยตรง ทั้งผู้ที่ศึกษาด้วยตนเองแบบ Self-Study หรือ Home School รวมไปถึงผู้ที่ต้องการลดระยะเวลาการศึกษาจากเดิมที่ต้องศึกษาในระดับมัธยมปลาย 3 ปี มาเป็น 1-2 ปีได้อีกด้วย
โทรสอบถามข้อมูลการเรียนที่ 022532533