8 เรื่องบ้ง ๆ สอบ IELTS Speaking กี่ครั้งก็ไม่เคยแตะ Band 7.0+

น้อง ๆ หลายคนที่เคยไปสอบ IELTS มาแล้วเคยสงสัยกันไหมว่า ทักษะในการพูดภาษาอังกฤษของตัวเองก็อยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว หรือสามารถสื่อสารในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ทำไมเมื่อไปสอบ IELTS พาร์ท Speaking น้อง ๆ กลับไม่ได้ Band สูง ๆ หรือได้ Band 7.0+ ตามที่คาดหวังไว้ 

จากผลลัพธ์ที่ได้ ทางหน่วยงานสอบ IELTS ไม่ได้มีการลำเอียงในการคิดคะแนนแต่อย่างใด แต่บางที อาจเป็นเพราะน้อง ๆ เผลอทำเรื่องผิดพลาดขณะทดสอบโดยไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้ ในบทความนี้ The Planner จึงขอมาเปิด 8 ข้อผิดพลาด สอบ IELTS Speaking กี่ครั้งก็ไม่เคยแตะ Band 7.0+ ใครไม่อยากเสียคะแนน IELTS Speaking แบบไม่รู้ตัว อย่าหาทำเด็ดขาด! จะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกัน 

8 เรื่องพลาด IELTS Speaking ต้องแก้ไข มีอะไรบ้าง?

  1. Dead Air หรือตอบไม่ได้แล้วเงียบ

ในการสอบ IELTS Speaking น้อง ๆ อาจต้องเจอคำถามที่ไม่คุ้นเคยและอาจต้องใช้เวลาในการคิด แต่หากน้อง ๆ เงียบนานเกินไป examiner อาจเข้าใจว่าน้อง ๆ ไม่เข้าใจในคำถามหรือไม่สามารถตอบคำถามนั้น ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วมากพอก็ได้ 

กรณีที่น้อง ๆ ยังคิดคำตอบในเวลานั้นไม่ทันจริง ๆ และอยากมีเวลาคิดอีกนิด แนะนำว่าให้จุดไฟคำตอบให้ตัวเองก่อน โดยการเลือกพูดประโยคขึ้นต้น เพื่อดึงเวลาไว้ในจังหวะที่คิดหาคำตอบอยู่ เช่น That’s a tough question หรือ Let me see. แทนที่จะปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่า ๆ 

แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว พูดประโยคถ่วงเวลาไว้แล้วยังหาคำตอบมาไม่ได้อยู่ดี หรือรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ให้รีบปฏิเสธ examiner ไปตรง ๆ เลยจะดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาทำคะแนนในคำถามอื่น ๆ ด้วย

  1. พูดเป็นแพทเทิร์น ท่องจำมาทั้งประโยค

บางครั้ง สิ่งที่ทำง่ายที่สุด อาจเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์มากพอ หรือเกิดผลลบตามมาก็ได้ เช่น ในการจำคำตอบ หรือจำประโยคสวย ๆ มาตอบใน IELTS Speaking เพื่อให้เกิดความล้ำ หรือความรู้สึกว้าวกับคำตอบมากขึ้น

แต่ทราบหรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว IELTS examiner ทุกคนได้ผ่านการอบรมและผ่านมาตรฐานการวัดผลของทางศูนย์สอบมาแล้ว ดังนั้น examiner ทุกคนจึงสามารถ “มองออก” เมื่อน้อง ๆ ท่องจำคำตอบมาสอบหรือพยายามยัดมันไว้ในคำตอบมากเกินไป เพราะบ่อยครั้ง ประโยคจากอินเทอร์เน็ต หรือประโยคสวย ๆ ที่น้อง ๆ ท่องจำมาเหล่านั้น อาจเป็นรูปประโยคของภาษาเขียน ไม่ใช่ภาษาพูด 

และเมื่อน้อง ๆ จำประโยคสำเร็จรูปดังกล่าวมาสอบ IELTS Speaking โดยไม่เกิดการปรับใช้ให้เหมาะสม ก็จะกลายเป็นประโยคที่ไม่เข้ากับบริบทของคำถามนั้น ๆ พูดแล้วดูยัดเยียด หรือหาจุดเชื่อมโยงกับเรื่องที่พูดได้ยากนั่นเอง

  1. ใช้ Transition words มากเกินไป

Transition words คือ คำหรือวลีที่ใช้เชื่อมส่วนต่าง ๆ ของประโยคภาษาอังกฤษ เช่น first, second, furthermore, in addition หรือ finally ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจว่า เมื่อสอบ IELTS Speaking ให้เชื่อมประโยคเข้าไว้ด้วย transition words แล้วประโยคจะดูลื่นไหล หรือช่วยทำให้ได้คะแนน IELTS Speaking ดีเลิศ 

แต่ความเข้าใจนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมดนัก เพราะการนำ Transition words มาใช้งานมากเกินไป หรือแม้กระทั่งนำคำเชื่อมที่ใช้ในภาษาเขียนมาใช้พูด ก็อาจทำให้ประโยคที่น้อง ๆ สื่อสารออกมาดูประหลาด หรือไม่มีความเป็นธรรมชาติเอาเสียเลย 

  1. พูดมากเหมือนน้ำท่วมทุ่ง หรือพูดน้อยแบบถามคำตอบคำ

สำหรับการสอบ IELTS Speaking การพูดคำตอบมากเกินไป บางครั้งก็มีโอกาสสูงที่จะแสดงข้อผิดพลาดได้มากขึ้นตามไปด้วย ในขณะเดียวกันหากน้อง ๆ พูดแบบถามคำตอบคำ หรือไม่มีการขยายความในเรื่องที่ตอบมากขึ้น ก็อาจทำให้น้อง ๆ เสียโอกาสที่จะแสดงทักษะการพูดภาษาอังกฤษมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

แนะนำว่าให้พูดสองถึงสามประโยคใน IELTS Speaking Task 1 ต่อมาในส่วนของ Task 2 จะเป็นส่วนที่น้อง ๆ สามารถพูดยาว ๆ ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด จนถึงใน Task 3 ที่เป็นส่วนของการถามความคิดเห็น น้อง ๆ ควรจะตอบอย่างน้อยสามถึงหกประโยคในแต่ละคำถาม ถือว่าเป็นความยาวที่พอดี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทักษะการพูดและเนื้อหาคำตอบของแต่ละบุคคล

  1. การออกเสียงไม่ชัดเจน ทำให้ฟังยาก

คงเป็นเรื่องไม่ดีนัก ถ้าหาก examiner ฟังคำตอบของน้อง ๆ ไม่ถนัด รู้ไหมว่า IELTS Speaking ให้คะแนนด้านการออกเสียงหรือ pronounciation เป็นสัดส่วนมากถึง 25% เลยทีเดียว และหากน้อง ๆ ออกเสียงไม่ชัด ไม่เคลียร์ อาจทำให้เกิดการสื่อความหมายที่ผิดพลาด ทำให้โอกาสการเก็บคะแนนในสัดส่วนนี้หายไปในพริบตา 

วิธีแก้ไข คือ ให้น้อง ๆ ฝึกซ้อมออกเสียงคำบ่อย ๆ ผ่านการพูดคุยด้วยภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน โดยอาจปรึกษากับเพื่อนหรือคุณครูเพิ่มเติม ว่าเขาเหล่านั้นสามารถเข้าใจในสิ่งที่น้อง ๆ ต้องการจะสื่อสารได้ถูกต้องดีแล้วหรือไม่ หากพบข้อผิดพลาด ให้ปรับแก้ไขใหม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อความคุ้นเคย

  1. น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มี Stress สูงต่ำ

ถึงแม้ว่าน้อง ๆ จะออกเสียงคำ (pronounciation) ได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่หากว่าโทนเสียงของน้อง ๆ ช่างราบเรียบหรือเป็นคีย์เดียวกันไปจนหมด อาจจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจความหมายคำศัพท์เพี้ยนไป ไม่เกิดอรรถรส หรือจับใจความสำคัญไม่ถูกว่าจุดไหนคือคำตอบหรือจุดไหนที่ผู้ตอบต้องการเน้นเป็นพิเศษ

ดังนั้น ในการพูดภาษาอังกฤษ การลงเสียงหนักเบา (Stress) ที่คำหรือประโยคจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะหากน้อง ๆ ลงน้ำหนักเสียงผิดที่ ความหมายก็อาจจะเปลี่ยนไปได้เลย เช่น คำว่า present ที่ถ้าเป็นคำนามจะแปลว่า ของขวัญ และจะต้องลงเสียงหนักที่พยางค์แรก (’pre.sent) แต่ถ้าหากเป็นคำกริยาที่แปลว่า นำเสนอ จะต้องลงเสียงหนักที่พยางค์หลังหรือตรงคำว่า sent (pre.sent’)

  1. ตอบไม่ตรงคำถาม

การตอบคำถามในสิ่งที่ผู้ถามไม่ได้ถามหา หรือตอบอะไรเรื่อยเปื่อยแบบตามอำเภอใจ ไม่ใช่แค่จะส่งผลเสียในการสอบ IELTS Speaking เท่านั้น แต่ความผิดพลาดในข้อนี้อาจทำให้น้อง ๆ ต้องเสียคะแนนในทุกพาร์ทของการสอบ IELTS หรือในทุกรูปแบบการสอบอย่างแน่นอน 

เพราะถ้าหากน้อง ๆ ตอบไม่ตรงกับคำถาม หรือพยายามพูดเรื่องอื่นที่คิดว่าตัวเองสื่อสารได้ดีกว่า โดยเฉพาะใน IELTS พาร์ท Speaking จะบ่งบอกได้ว่าหัวข้อหรือประเด็นในการสนทนาที่น้อง ๆ โต้ตอบได้นั้นอยู่ในวงแคบ หรืออาจจะทำให้ examiner เข้าใจได้ว่าน้อง ๆ ไม่ได้ใส่ใจหรือโฟกัสกับสิ่งที่ถามไปมากพอ

  1. ถามความคิดเห็นจาก Examiner

ในการทดสอบ IELTS พาร์ทสุดท้าย ผู้สอบจะต้องมีหน้าที่เข้าห้องสอบ IELTS Speaking เพื่อตอบคำถามกับ examiner ที่มีหน้าที่ในการถามคำถามกับน้อง ๆ เท่านั้นเช่นกัน ช่วงเวลาเฉพาะนี้ จึงไม่ใช่เวลาของการสนทนาหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ examiner แน่นอน

วิธีแก้ไขปัญหา กรณีน้อง ๆ คิดคำตอบไม่ออกจริง ๆ แนะนำว่าน้อง ๆ ไม่ควรที่จะพูดว่า I don’t know, what do you think? น้อง ๆ ควรจะเลือกตอบเพื่อปฏิเสธคำถามหรือยอมรับกันตรง ๆ ว่าไม่สามารถหาคำตอบได้ จะดีกว่าการตอบถ่วงเวลาไว้ เช่น I’m afraid I know nothing about this topic.

อ่านบทความ How to เขียน IELTS Writing ยังไงให้เป็นภาษาทางการ? คลิกที่นี่

ติว IELTS มีการันตี! เรียนคอร์ส IELTS ที่สถาบัน The Planner Education น้อง ๆ จะได้เรียนเจาะทั้งเนื้อหาและติวข้อสอบอัปเดตล่าสุดครบ 4 พาร์ท ทั้ง Listening, Reading, Writing และ Speaking สอนสดโดยคุณครูประสบการณ์สอนตรงสายภาษา เน้นเทคนิคลัดให้น้อง ๆ ประหยัดเวลา และทำคะแนนได้ทุกพาร์ท พร้อมบริการ All-in-One Service ช่วยเหลือน้อง ๆ ตั้งแต่สมัครสอบไปจนติดตามผลและยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัย 

โดยทางสถาบันแบ่งคอร์สติว IELTS ออกเป็น 2 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์กับน้อง ๆ ที่มีความต้องการและมีพื้นฐานเนื้อหาสอบแตกต่างกัน ดังนี้

  1. คอร์ส IELTS Classic การันตีได้ Band 5.0++: คอร์สปูพื้นฐานเนื้อหาทั้ง 4 พาร์ท เน้นติวจุดที่ออกสอบบ่อย และพาทำแบบฝึกหัดได้ใช้จริง เจอจริงในห้องสอบ คอร์ส IELTS Classic จึงเหมาะกับน้อง ๆ ที่ไม่มีพื้นฐาน IELTS มาก่อน หรือมีพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับน้อยไปจนถึงปานกลาง
  1. คอร์ส IELTS Master การันตีได้ Band 6.0++: คอร์สเจาะตรงข้อสอบและเจาะเทคนิคทำข้อสอบ IELTS แบบเข้มข้นและกลยุทธ์ลับเฉพาะจากข้อสอบจริงกว่า 20 ชุด ใช้อัปแบนด์สูงกว่าเดิม 100% คอร์ส IELTS Master จึงเหมาะกับน้อง  ๆ ที่มีพื้นฐาน IELTS มาแล้วหรือมีประสบการณ์ในการไปสอบ IELTS มาก่อน และต้องการอัป Band ให้สูงมากขึ้น ตั้งแต่ 6.0 ขึ้นไป

มองหาที่ติว IELTS หรือยังไม่รู้ว่าจะติว IELTS ที่ไหนดีจะได้การันตีผล ติวคอร์ส IELTS กับ The Planner ได้การันตีผลสอบ 100% เสริมความมั่นใจ ได้แบนด์สูงพร้อมยื่นเข้าคณะที่ต้องการแน่นอน สอบถามตารางติวและวางแผนเข้ามหาวิทยาลัยกับพี่แอดมิน แอดไลน์ @theplanner  

สนใจติว GED | IGCSE | A-LEVEL | SAT | IELTS | ACT | GSAT | TOEFL-MUIC/MUIDS | CU-TEP | CU-AAT | CU-ATS | TU-GET | IB | AP | Academic Writing

ดูรายละเอียดคอร์สเรียนที่สนใจได้เลย!

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Line: @theplanner หรือ Phone: 095-726-2666

เพิ่มเพื่อน

Leave a Reply