7 ข้อดีในการเรียน GED The Planner

            ในวันที่น้องๆตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ GED เป็นกุญแจนำทางการศึกษาต่อของตนเอง เชื่อว่าทุกคนมีแผนการมากมายผุดขึ้นในหัว ตั้งแต่การหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบ วางแผนอ่านหนังสือ การหัดทำแบบฝึกหัด หาติวเตอร์ และนอกจากแผนการที่จะบรรลุเป้าหมายแล้ว ยังเต็มไปด้วยคำถามร้อยแปดพันเก้าจิปาถะที่เกี่ยวกับการสอบ ดังนั้น การเรียน GED ที่ The Planner ของเรา เข้าใจดีในความมุ่งมั่นของน้องๆ และ พร้อมที่จะเติมเต็มทุกทักษะ ความรู้ที่จำเป็นในการสอบ GED และจูงมือน้องให้ก้าวเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นใจ ที่ The Planner Education ของเรามิใช่เพียงสถาบันติวเตอร์สำหรับการสอบ GED เท่านั้น เพราะภารกิจหลักของเราคือการ “ทำฝันของน้องๆให้เป็นจริง” หากน้องๆถามว่า เรียน GED The Planner ดีมั้ย? ทั้ง 7 ข้อต่อไปนี้ คือ คำตอบ ข้อมูล และเนื้อหาการสอบ GED ทันสมัย สถาบันของเรามีการติดตาม Update ข้อสอบ, เนื้อหา และรายละเอียดการสอบ GED อย่างสม่ำเสมอ[…]

เรียนGEDที่ไหนดีภายใน30วัน

เวลา 30 วัน เราสามารถทำอะไรได้บ้าง? เราอาจจะอ่านนิยายได้ 30 เล่ม เล่มละ 1 วัน เราอาจไปเที่ยวได้ 4 ประเทศ ประเทศละ 1 สัปดาห์ เราอาจทำงานทั้ง 30 วัน แต่ไม่มีเวลาให้ตัวเอง แต่ถ้าหาก 30 วันนี้ มีอะไรบางอย่างสามารถทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ คุณคิดว่าจะทำหรือไม่             เราไม่ได้จะให้น้องๆไปทำอะไรที่ถึงขั้นเปลี่ยนโลกทั้งใบหรอกค่ะ แต่เรากำลังสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆในการเปลี่ยนโลกของตัวเอง จากโลกใบเดิมไปสู่โลกใบใหม่ ด้วยวุฒิการศึกษาที่สูงกว่าเดิม พร้อมกับอนาคตที่กว้างใหญ่ และไฉไลกว่าเดิม เพราะเราจะมาชวนน้องๆวางแผนการสอบ GED ให้ผ่าน ภายใน 30 วัน! อย่างที่เราทราบกันดีว่า การสอบ GED (General Educational Development) คือ การสอบเทียบเท่าระดับวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในประเทศไทย ตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา เพื่อนำผล GED Transcript ไปยื่นสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งใน และต่างประเทศ นั่นหมายความว่า หากน้องๆสอบ GED[…]

ข้อควรรู้ก่อนเรียน GED

เราทราบกันดีว่าการสอบ GED (General Educational Development) คือ การสอบเทียบวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย เพื่อใช้ในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่สหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ หรือในหลักสูตรอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยรัฐบาล หรือ หลักสูตรไทยและอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย ซึ่งเมื่อน้องๆตัดสินใจว่า จะใช้ GED Transcript เป็นใบเบิกทางสู่อนาคตแล้ว ก็มักจะมีสารพันคำถามที่ตามมา ว่า จะสมัครสอบอย่างไร, อายุเท่านี้หรือเรียนอยู่ชั้นนี้มีสิทธิ์สอบไหม, GED สอบอะไรบ้าง, ไปติวดีไหม, ไปสอบที่ไหน, เตรียมอะไรไปสอบบ้าง, สอบไม่ผ่านทำอย่างไรดี และอีกมากมายหลายคำถาม ดังนั้น เราจึงรวบรวมสารพันปัญหาที่พบบ่อยมาตอบอย่างเข้าใจง่าย เพื่อให้น้องๆคลายสงสัย และหายกังวล คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์สอบ GED มีอะไรบ้าง? ตอบ               อายุ 16 ปีขึ้นไป จึงจะมีสิทธิ์สอบ GED สอบอะไรบ้าง? ตอบ               มี 5 วิชาหลักที่ต้องสอบ ได้แก่ – Language Arts; Reading (การอ่าน) – Language Arts; Writing[…]

ทำไมใครๆก็สอบ GED

การสอบ GED (General Educational Development) คือ การสอบเทียบเท่าระดับวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในประเทศไทย ตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ที่สอบไม่จำเป็นต้องจบมัธยมปลายในสายสามัญ เพื่อนำผล GED Transcript ไปยื่นสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งใน และต่างประเทศ โดยผู้ที่สมัครสอบต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งเราจะสังเกตเห็นว่า หากสามารถสอบ GED ผ่านตั้งแต่ปีแรกที่มีสิทธิ์สอบ จะสามารถย่นระยะเวลาการศึกษาไปได้อย่างน้อย 1-2 ปีเลยทีเดียว ปัจจุบันนี้หากสำเร็จก่อนย่อมได้เปรียบ จึงทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการสอบเทียบ เพื่อศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตั้งแต่อายุยังน้อย เราสามารถแบ่งกลุ่มของผู้ที่เลือกสอบ GED เพื่อเทียบวุฒิไปใช้ในการศึกษาต่อได้เป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ นักเรียนมัธยมปลาย ที่ต้องการเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก่อนกำหนด การเรียนในระบบการศึกษาสายสามัญตามปกติจะใช้เวลาในระดับมัธยมปลายเป็นเวลา 3 ปี ก่อนจะสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา แต่นักเรียนกลุ่มนี้ไม่ต้องการใช้เวลาถึง 3 ปี อาจเนื่องมาจากต้องการเรียนจบเมื่ออายุยังน้อย หรือต้องการวุฒิเพื่อไปทำงานหรือหาประสบการณ์มากกว่าการเรียนตามปกติ นักเรียนมัธยมปลาย ที่ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ หรือหลักสูตรอินเตอร์ในระดับอุดมศึกษา กลุ่มนี้มีเป้าหมายแน่ชัด คือ ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ หรือต้องการเรียนในหลักสูตรอินเตอร์ในมหาวิทยาลัย ซึ่งหากสอบผ่าน และได้รับ[…]

ความแตกต่างของการเรียนGEDกับเรียนIGCSE

การไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ หรือการได้เรียนหลักสูตรอินเตอร์ในระดับมหาวิทยาลัย เป็นความฝันของใครหลายๆคน ซึ่งนอกจากการสอบวัดความถนัดทางด้านภาษาอังกฤษอย่างเช่น TOEFL หรือ IELTS ที่เราคุ้นเคยกันแล้วนั้น ยังมีการสอบเทียบวุฒิม.6 อีก 2 แบบที่เป็นที่นิยมนั่นคือ การสอบ GED และการสอบ IGCSE ซึ่งเป็นการสอบด้วยข้อสอบภาษาอังกฤษทั้งหมด เพื่อเทียบวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย และนำผลการสอบไปใช้ในการสมัครเข้าศึกษาต่อในต่างประเทศ หรือหลักสูตรอินเตอร์ แต่ที่ GED และ IGCSE แตกต่างจากการสอบ TOEFL และ IELTS นั่นคือ การสอบ TOEFL และ IELTS เป็นการทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษ แต่ GED และ IGCSE เป็นการสอบวิชาหลักในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเพื่อใช้เทียบวุฒิการศึกษา อย่างไรก็ตาม หลายคนก็มีคำถามว่า ในเมื่อ GED และ IGCSE ต่างก็ใช้เพื่อเทียบวุฒิการศึกษา แล้วการสอบทั้ง 2 อย่างนี้ แตกต่างกันอย่างไร ตารางด้านล่าง จะแสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างของการสอบทั้ง 2 แบบ ทั้ง[…]

ทำอย่างไรถ้าไม่เก่งอังกฤษ แต่อยากพิชิต GED

การสอบ GED หรือ General Educational Development คือ การสอบเทียบเท่ากับวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย ตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีภาคภาษาอังกฤษหรือนานาชาติ (International Program) ซึ่งแน่นอนว่าการสอบตามหลักสูตรของสหรัฐอเมริกานั้น ข้อสอบก็จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งปัญหาด้านภาษา นับเป็นอุปสรรคหนึ่งของนักเรียนไทยที่ไม่ได้ศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนภาคภาษาอังกฤษ หรือไม่ได้มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ทั้งที่จริงๆแล้วน้องๆบางคนมีความรู้ความเข้าใจใน 5 วิชาที่ต้องทดสอบเป็นอย่างดี แต่ติดขัดในส่วนของภาษา ส่งผลให้ทำคะแนน GED ได้น้อย แต่ถึงแม้ว่าน้องๆจะไม่เชี่ยวชาญด้านภาษา ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสพิชิต GED เพราะว่าเราจะถือวิกฤตินี้เป็นโอกาสในการพัฒนาภาษาไปในคราวเดียว นั่นคือ น้องๆสามารถพัฒนาทักษะทางภาษาควบคู่ไปกับการเตรียมตัวสอบ GED ไปพร้อมๆกันเลย โดยเราจะฝึกด้านภาษาพร้อมๆกับวิชาการด้วย 4 เทคนิคต่อไปนี้ อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า การอ่านทุกอย่างในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ จะช่วยให้น้องๆมีทักษะการอ่านที่รวดเร็ว และจับใจความสำคัญได้ แหล่งข้อมูลสำหรับอ่านที่ดีนั่นคือ หนังสือพิมพ์ เช่น Bangkok Post หรือวารสาร Reader Digest รวมไปถึงนิตยสารเช่น Time เป็นต้น ซึ่งแหล่งข่าวเหล่านี้จะมีบทความ และมีการสรุปคำศัพท์ที่น่าสนใจให้เราท้ายบทความด้วย อีกทั้งความเป็นสื่อสาธารณะทำให้เนื้อหา และการใช้ประโยคในบทความ มีลักษณะเป็นทางการ[…]

สมัครสอบ GED อย่างไร และค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

เมื่อน้องๆเตรียมความพร้อมในการสอบ GED ทั้งติว, ทั้งอ่านหนังสือ และทำแบบฝึกหัด จนมั่นใจแล้วว่า ถึงเวลาที่จะต้องลงสนามจริงกันเสียที แต่ทีนี้จะสมัครสอบที่ไหน อย่างไร เตรียมเอกสารอะไร และค่าสอบเท่าไหร่ รวมทั้งไปสอบที่ไหน ตรงนี้มีรายละเอียดให้น้องๆ เพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมในการสอบ GED ให้ครบถ้วนกันไปเลย ก่อนอื่นเลย เรามาดูกันในเรื่องของการสมัครสอบ การสมัครสอบ GED ไม่เหมือนการสมัครสอบอื่นๆ น้องๆไม่ต้องส่งเอกสารทางไปรษณีย์ ไม่ต้องยื่นเอกสารด้วยตนเอง เพราะการสอบ GED ที่มีมาตรฐานระดับสากลนี้ มีวิธีการรับสมัครสอบผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ เพียงน้องๆมีคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตก็สามารถลงทะเบียนสมัครสอบได้แล้ว โดยขั้นตอนมีดังต่อไปนี้ ลงทะเบียนสมัครสอบ โดยเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวที่ ged.com เมื่อลงทะเบียนแล้ว จะได้รับ User Name และ Password เพื่อใช้สำหรับการ Login เข้าระบบ GED Testing Booking ศูนย์สอบ โดยเราต้องเลือกศูนย์สอบ Thailand จากนั้นเลือกวิชาที่ต้องการทดสอบ ในแต่ละเดือน จะมีกำหนดวัน-เวลาการสอบในแต่ละวิชา ให้ผู้สอบเลือกกำหนดวันสอบด้วยตนเอง ซึ่งทุกวิชาสามารถสอบได้เกือบทุกวัน ระหว่างวัน จันทร์[…]

เตรียมสอบ GED อ่านหนังสืออะไรดี

ว่ากันว่า “ยิ่งพร้อม ความสำเร็จยิ่งอยู่ใกล้” การเตรียมความพร้อมในการสอบ GED นั้นผู้สอบจะต้องมีความรู้ทั้ง 5 วิชา คือ Language Arts; Reading (การอ่านภาษาอังกฤษ), Language Arts; Writing (การเขียนภาษาอังกฤษ), Social Studies (สังคมศึกษาและประวัติศาสตร์), Mathematics (คณิตศาสตร์) และ Science (วิทยาศาสตร์) แล้ว ยังต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียร ความมีวินัย และความมุ่งมั่นของผู้สอบเป็นหลักด้วย โดยสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับน้องๆทุกคนที่เตรียมตัวสอบ นั่นคือ การอ่านหนังสือ และฝึกทำข้อสอบ GED นั่นเอง ส่วนใหญ่แล้วน้องๆที่ติว GED กับทางสถาบัน จะมีหนังสือแบบฝึกหัดจากที่เรียนอยู่ก่อนแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหากเราต้องการที่จะอ่านตำราเตรียมสอบ GED อย่างจริงจังนั้น จะมีตำราของหลายสำนักพิมพ์ ที่เป็นที่นิยมกัน นั่นคือ หนังสือ GED ของ BARRON; หนังสือชุดนี้เป็นที่นิยมใช้กันโดยจะมีครบทั้ง 5 วิชาที่น้องๆต้องใช้ในการสอบ GED มีเนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย[…]

ติว GED ให้ถูกใจ เลือกเรียนที่ไหนดี

GED Certificate เป็นกุญแจในการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในภาคอินเตอร์ รวมถึงการศึกษาต่อในต่างประเทศ ซึ่ง GED เปรียบเสมือนบันไดเลื่อนให้น้องๆสามารถก้าวสู่ระดับอุดมศึกษาได้เร็วกว่าการเรียนสายสามัญตามปกติ อย่างน้อยก็ลดเวลาได้ถึง 1-2 ปี ดังนั้น หลายคนจึงมุ่งมั่นที่จะพิชิต GED Certificate ให้ได้ โดยนอกจากจะต้องอ่านหนังสือ และขยันทำแบบฝึกหัดทั้ง 5 วิชาที่ใช้สอบแล้ว การติว GED ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะเสริมสร้างความมั่นใจให้กับน้องๆอีกด้วย ปัจจุบันก็มีหลายสถาบันที่เปิดสอน ติว GED รวมไปถึงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสอบ GED แต่ที่ไหนน่าเรียน หลักสูตรแบบไหนที่น่าสนใจ และเหมาะกับน้องๆมากที่สุดนั้น จะทราบได้อย่างไร คอร์สติว GED ที่ The Planner Education เป็นที่นิยมกันมากขึ้นเรื่อยๆ และมีนักเรียนประสบความสำเร็จด้วยคะแนนที่สูงลิบลิ่วหรือได้คะแนนเต็มในบางวิชา นั่นเป็นเพราะว่าคุณครูและพี่ๆให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเรียนการสอน นั่นคือคุณภาพของการติวGED นักเรียนทุกคนจะได้เรียน GED ด้วยเนื้อหาที่ออกสอบบ่อยที่สุดและติวGEDพร้อมแนวข้อสอบจริงของทุกรอบ เรากล้ารับประกันผล เพราะเรารู้จริงทุกเรื่องของการติวGED นอกเหนือจากนั้น เรื่องของค่าเรียนที่The Planner Education ก็สมเหตุสมผลและย่อมเยาว์ จุดเด่นเพิ่มเติมของคอร์สติว GED ของ The[…]

เจาะลึกการเรียนGEDด้วยเทคนิคเขียน Essay

อย่างที่เราทราบกันดีว่าในส่วนของข้อสอบ GED วิชา Language Arts; Writing นั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ข้อสอบด้านโครงสร้างและไวยากรณ์ และอีกส่วนหนึ่งคือการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ (Essay) ตามหัวข้อที่กำหนดให้ ซึ่งผู้สอบหลายท่านอาจเป็นกังวล ทั้งเรื่องวิธีการเขียน การเรียบเรียงเรื่องที่เขียน ไหนยังจะความถูกต้องของเนื้อหาและไวยากรณ์ด้วย ดังนั้น การลำดับความคิด และการวางแผนการเขียน เพื่อให้การเขียน Essay มีประสิทธิผล จะช่วยให้ได้คะแนนของข้อสอบ GED ในส่วนนี้ได้ไม่ยาก การเขียนเรียงความสำหรับการสอบ GED นั้น จะมีการกำหนดหัวข้อและจำนวนคำ ดังนั้น ผู้สอบจะต้องคิดและเขียนเพื่อให้ได้เนื้อหาตรงตามหัวข้อที่กำหนด ซึ่งการจะเขียน Essay ให้ได้คะแนนที่ดีนั้น มีเพียง 3 อย่างที่ต้องรู้ และจำไว้ให้ขึ้นใจ คือ รู้อ่าน รู้เขียน และรู้จักตรวจทาน ซึ่งการรู้ทั้ง 3 อย่างนี้ จะช่วยเพิ่มคะแนน GEDในส่วนของ Writing ได้อย่างไรนั้น อธิบายได้ดังต่อไปนี้ รู้อ่าน การอ่านเป็นรากฐานสำคัญ ซึ่งการอ่านจะทำให้เราได้ความรู้ที่กว้างขึ้น[…]