คำถามยอดฮิตที่นักเรียนSATอยากรู้

สำหรับน้องๆ นักเรียนที่เพิ่งจะจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นหรือนักเรียนที่กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย คงจะรู้จักการสอบ SAT ดีอยู่แล้วหรือสนใจเรียนติว SAT กันบ้างแล้ว สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่รู้ว่า SAT คืออะไรก็มาทำความรู้จักกันเลย SAT คืออะไร ตอบ การสอบ SAT เป็นการสอบวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ใครควรเรียน SAT หรือ สอบ SAT ตอบ เหมาะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทั้งแบบภาคปกติและแบบสอบเทียบที่ต้องการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่จะทดสอบประมาณ 1-2 ครั้งในช่วงมัธยมปลาย เพื่อให้คุ้นเคยการการทำข้อสอบSAT SAT สอบอะไรบ้าง ตอบ ข้อสอบ SAT มี 2 ประเภทคือ SAT Reasoning Test และ SAT Subject Test SAT Reasoning Test คือข้อสอบที่ใช้วัดทักษะนักเรียนที่จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายควรมี ประกอบไปด้วยข้อสอบ 3 ส่วน มีคะแนนเต็ม 2400[…]

ติว SAT เอง VS. เรียน SAT กับติวเตอร์ อย่างไหนดีกว่ากัน

มหาวิทยาลัยในต่างประเทศและมหาวิทยาลัยในไทยที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์เนชั่นแนลส่วนใหญ่ต้องการผลการสอบ SAT นักเรียนที่อยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และปีที่ 5 และนักเรียนสอบเทียบ GED หรือ IGCSE จึงจำเป็นต้องเตรียมตัวสอบ SAT เพื่อยื่นเป็นเอกสารประกอบการสมัครเข้าเรียน การเตรียมตัวสอบSAT สามารถอ่านหนังสือและฝึกทำข้อสอบเก่าด้วยตนเอง หรือจะไปเรียนSAT กับติวเตอร์ก็ได้ ซึ่งมีอยู่หลายสถาบันที่เปิดรับติวSATนี้ ไม่ว่าจะเรียนเองหรือเรียนกับติวเตอร์ต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ข้อดีของการอ่านหนังสือด้วยตัวเอง ประหยัด ไม่ต้องเดินทาง ซึ่งคุณอาจจะใช้เวลาที่ต้องเสียในการเดินทางไปฝึกทำข้อสอบได้ไม่น้อยเลยทีเดียว มีเวลาอ่านหนังสือได้ตลอดเวลา ข้อเสียของการอ่านหนังสือด้วยตัวเอง อาจจะพลาดเทคนิคในการทำโจทย์ที่ติวเตอร์หรือครูได้มีการรวบรวมมาสอนให้กับเด็กที่มานั่งเรียนSATที่สถาบัน และอาจจะไม่สามารถบังคับตนเองให้อ่านหนังสือได้ตามตารางที่กำหนดไว้ ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่บ้านอาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อการอ่านหนังสือ ข้อดีของการติว SAT กับติวเตอร์ การติวSAT ช่วยแบ่งเบาภาระในการเตรียมตัวสอบ นอกจากนี้ยังสร้างความมั่นใจในการสอบ เพราะติวเตอร์มักจะรวบรวมเทคนิคต่างๆ ในการทำข้อสอบโดยยึดแนวข้อสอบของปีที่ผ่านๆ มาให้นักเรียนฝึกทำ ทำให้นักเรียนคุ้นเคยกับโจทย์และรู้แนวข้อสอบที่จะออกในครั้งต่อไป การเรียน SAT กับสถาบัน ติวเตอร์จะช่วยวางแผนตั้งแต่การเรียนจนสอบเสร็จและยื่นคะแนน ส่วนใหญ่ติวเตอร์จะช่วยเหลือนักเรียนตั้งแต่การสมัครไปจนจบกระบวนการเพื่อลดภาระให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง ช่วยทบทวนวิชาที่เรียนมาตลอดทั้งปีเพราะในการเรียนกวดวิชานั้น นอกจากนี้ยังได้เรียนบทเรียนใหม่ๆ ล่วงหน้าก่อนที่โรงเรียนจะสอน ทำให้เมื่อเวลาไปเรียนที่โรงเรียนจะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่ได้เรียนล่วงหน้า ติวเตอร์ส่วนใหญ่จะมีความเป็นกันเองกับนักเรียน การเรียนSATไม่เคร่งเครียดเหมือนในห้องเรียนที่โรงเรียน ทำให้กล้าคุยกล้าซักถามปัญหาการเรียนได้ตลอด ซึ่งมีส่วนช่วยให้เด็กมีความเข้าใจเนื้อหามากขึ้น ติวเตอร์เชี่ยวชาญโจทย์ของSAT เพราะการสอนที่เน้นในเรื่องๆ เดียวทำให้สามารถเจาะลึกในประเด็นปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่าเรียนที่โรงเรียนหรือฝึกด้วยตนเอง[…]

SAT คืออะไร มารู้จักการสอบ SAT กันดีกว่า

ในอดีตการเรียนหลักสูตรนานาชาติเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับนักเรียนไทย แต่สำหรับในช่วงไม่กี่ปีมานี้สถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติมีแทบทุกมหาวิทยาลัย และได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเรียนนักศึกษารวมถึงผู้ปกครอง การที่จะเข้าเรียนได้นั้นนักเรียนต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดี มีผลการสอบวัดความรู้ความสามารถจากหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับสากล การสอบ SAT ก็เป็นหนึ่งในการวัดผลที่ได้รับการยอมรับในระดับต้นๆ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยและต่างประเทศ การสอบ SAT คืออะไร การสอบ SAT เป็นการสอบวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้SATย่อมาจาก Scholastic Aptitude Test หรือ Scholastic Assessment Test จัดโดยหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาชื่อ College Board ข้อสอบนี้จัดสอบครั้งแรกในปี ค.ศ.1926 ในขณะนั้นดำเนินการโดย Educational Testing Service แต่ในปัจจุบันหน่วยงานนี้มีหน้าที่ในการจัดสอบเท่านั้น จากนั้นก็มีการพัฒนาข้อสอบและเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง จนกระทั่งในปัจจุบันก็คือ การสอบ SAT ถูกเรียกว่า SAT Reasoning Test หรือ SAT Subject Test ข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่ได้รับมาตรฐานสากลได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยจึงนิยมคัดเลือกนักเรียนโดยพิจารณาจากผลสอบ SAT ซึ่งนักเรียนสามารถใช้ยื่นประกอบการสมัครเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้ในต่างประเทศและในประเทศไทย[…]

เรียน SAT พร้อมสรุปเทคนิคพิชิตข้อสอบ SAT

ปริญญาบัตรธรรมดาๆ อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในยุคสมัยนี้ ทำให้นักเรียนนักศึกษาในปัจจุบันต้องขยันเพิ่มขึ้นให้มาก การได้เรียนในหลักสูตรนานาชาติก็เป็นโพรไฟล์ชั้นดีสำหรับตัวนักเรียนเองนอกจากนี้ยังนำมาซึ่งความภูมิใจของผู้ปกครองได้อีกด้วย การสอบ SAT เป็นใบเบิกทางสำคัญที่จะทำให้เข้าเรียนในหลักสูตรนานาชาติ เราจึงรวบรวบเทคนิคดีๆ เพื่อพิชิตข้อสอบ SAT มาฝากกัน ดังต่อไปนี้ จัดตารางเวลาในการเรียนSAT หรืออ่านหนังสือและแบ่งเวลาสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆให้ดี และทำตามตารางที่จัดไว้ ประเมินตัวเองมองหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองในวิชาต่างๆ เพื่อจะได้ให้เน้นหนักในวิชาที่อ่อนและเสริมในส่วนที่เราทำได้ดีอยู่แล้วให้เหมาะสมกับเวลาที่มี เรียน SATพร้อมๆไปกับการตะลุยข้อสอบ SAT เก่าให้มาก ทำให้เราคุ้นเคยกับข้อสอบและรู้แนวทางในการคำตอบ ซ้อมทำโจทย์แบบจับเวลา เพื่อฝึกความเคยชินกับการทำข้อสอบในสภาวะที่กดดัน เพราะในสนามสอบจริงเมื่อเรามีเวลาที่จำกัดเราอาจจะตื่นเต้นลนลาน ไม่มีสมาธิจนทำให้เสียเวลากว่าจะปรับตัวได้ เพราะฉะนั้นการฝึกทำข้อสอบแบบจับเวลาช่วยสร้างความเคยชินและลดความตื่นเต้นได้ ดูแลสุขภาพพักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้สมองเราจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ไม่ควรหักโหมจนร่างกายเจ็บป่วยเมื่อถึงวันสอบจริง เวลาเรียน SAT หรือช่วงกำลังฝึกฝนทำข้อสอบ SAT อ่านโจทย์ให้เข้าใจครบถ้วนในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าเจอโจทย์ยาวเกินไป ให้ข้ามไปทำข้ออื่นก่อนเมื่อเวลาเหลือค่อยกลับมา ในส่วน Critical Reading ให้กวาดสายตาหาเรื่องที่เราถนัดหรือคุ้นเคยก่อน แล้วค่อยกลับมาทำส่วนที่ไม่คุ้นเคยภายหลัง ข้อสอบตัวเลือกถ้าไม่เข้าใจโจทย์และไม่สามารถตัดchoiceได้เลย ไม่ควรเดาเพราะถ้าตอบผิดจะถูกหักคะแนน 0.25 คะแนนต่อ 1 ข้อ เวลาในการสอบSAT นั้นแบ่งเป็นชุดคำถามหลายๆชุด การจัดสรรเวลาในการสอบที่ดีจะทำให้เราใช้เวลาได้คุ้มค่ามากที่สุด ในข้อสอบส่วนการเขียน Essay ไม่ควรใช้ศัพท์ยากเกินไป ถ้าเราไม่มั่นใจในคำนั้นจริงเพราะแทนที่จะช่วยให้ได้คะแนนอาจจะเป็นตัวฉุดคะแนนก็เป็นได้ ข้อสอบคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่เนื้อหาจะอยู่ในตอนม.ปลาย[…]

เรียน SAT ด้วยสุดยอดวิธีจำคำศัพท์แบบขั้นเทพ

การเรียน SAT หรือแม้แต่การสอบ SAT หรือสอบวัดระดับภาษาอังกฤษต่างๆ แน่นอนว่าข้อสอบทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นหัวใจสำคัญของการพิชิตข้อสอบอย่างSATนั้น จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่ถ้าไม่ใช่ คำศัพท์ เพราะถ้าไม่รู้คำศัพท์ก็ย่อมไม่เข้าใจความหมายของเนื้อหาข้อสอบ วิธีการจดจำคำศัพท์มากมายในเวลารวดเร็วนั้นสามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องเหนือความสามารถของผู้ที่มีความพยายามและมีความตั้งใจจริง เทคนิคการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ มีดังต่อไปนี้ Flash Card ท่องจำคำศัพท์ใหม่ๆ โดยใช้บัตรคำหรือ Flash Card เล็กๆ อาจจะร้อยเข้าในห่วงให้สามารถพกติดตัวไปในที่ต่างๆ ได้ เมื่อมีเวลาว่างหรือจำเป็นต้องรออะไรบางอย่างก็สามารถหยิบขึ้นมาท่องได้ตลอดเวลา Mind Map ผู้เชี่ยวชาญได้พยายามคิดค้นวิธีการที่จะทำให้คนมีความทรงจำที่ดีขึ้น สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือ Mind Map นี่เอง ซึ่งมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้มนุษย์จดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าการท่องจำหลายเท่า โดยเขียนเป็นรูปภาพขึ้นมา เลือกคำศัพท์ที่มีความเชื่อมโยงกันเป็นกลุ่มเดียวกันจะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น ใช้คำศัพท์นั้นบ่อยๆ โดยอาจจะใช้การอ่านหนังสือหรือวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ที่จำเป็นต้องท่อง เพื่อที่จะได้เห็นมันบ่อยๆ เมื่อจำไม่ได้ก็เปิดดู หรือใช้คำศัพท์นั้นในชีวิตประจำวัน การท่องศัพท์ครั้งแรกสมองจะจดจำในความทรงจำระยะสั้น(short memory) เมื่อเราใช้มันสมองจะจำในสมองส่วนลึกเพราะสมองจะคิดว่าข้อมูลนั้นสำคัญ หลักการก็คือ สมองจะจดจำสิ่งที่คิดว่าสำคัญเท่านั้น เพราะฉะนั้นจงใช้ ใช้ และใช้ แชร์คำศัพท์ คือการบอกต่อหรือช่วยสอนคนอื่น นักเรียนที่เก่งส่วนมากเป็นนักเรียนที่สอนคนอื่น ยิ่งสอนคนอื่นตัวเองยิ่งจำได้เพราะสมองจะยิ่งจดจำสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นๆ เพราะสมองจะจดจำสิ่งที่มันคิดว่ามันสำคัญ เมื่อเราใช้บ่อยแชร์บ่อยแบ่งปันบ่อยสมองก็จะเข้าใจว่าสิ่งนี้สำคัญ การเรียน[…]

เรียน GED เรียน IELTS Writing: เขียน Essay อย่างไรให้ได้คะแนนเยอะ

การเขียนเรียงความเป็นงานที่หลายคนไม่ชอบ เรียงความภาษาไทยก็นับว่ายากแล้วเรียงความภาษาอังกฤษความยากยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ การเรียนGED หรือ IELTS เป็นการเตรียมตัวสอบวัดความสามารถที่ยอมรับกันในระดับสากลในปัจจุบันนี้ เช่นการสอบ GED หรือการสอบ IELTS จะมีโจทย์ให้เขียนเรียงความเป็นภาษาอังกฤษหรือที่เรียกว่า Essay สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวสอบและกังวลกับการเขียนเรียงความนี้ เรามีคำแนะนำสำหรับการเตรียมตัวเพื่อทำข้อสอบในส่วนเขียนอย่างไรให้ได้คะแนนเยอะ ดังต่อไปนี้ อ่านให้มาก ควรเลือกอ่านบทความที่ดีมีคุณภาพในหนังสือพิมพ์ นิตยสารและเว็บไซต์ต่างๆ จะทำให้เราได้เห็นตัวอย่างที่ดี การเรียบเรียงความคิด คำศัพท์ใหม่ๆ รูปแบบการเขียน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ถ้าเราได้อ่านอย่างมากพอจะทำให้เราซึมซับได้อย่างอัตโนมัติโดยที่อาจจะไม่ต้องท่องจำไวยากรณ์อย่างเอาเป็นเอาตาย ยิ่งอ่านมากคลังคำก็มากตามทำให้การเขียนของเราดีขึ้นตามไปด้วย อ่านโจทย์ให้เข้าใจ ว่าโจทย์ต้องการให้เราเขียนเกี่ยวกับอะไร ถึงแม้ว่านักเรียนจะเขียนได้ไพเราะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ทุกอย่าง แต่เขียนตอบไม่ตรงคำถามก็คงไม่ได้คะแนนดีเท่าที่ควร เขียนให้ถูกวิธี บทความนั้นจะแบ่งได้เป็น 3ส่วนหลักๆ คือIntroduction, BodyและConclusionโดยแต่ละส่วนจะมีลักษณะดังนี้ Introductionหรือ บทนำจะเป็น Paragraph แรกของ Essay ส่วนนี้มีความสำคัญมากต้องเขียนดึงดูดใด้ผู้อ่านสนใจที่จะอ่านต่อไปในส่วนเนื้อหาให้ได้ Body เป็นส่วนใจความสำคัญ เป็นส่วนที่ยาวที่สุดที่จะบอกเล่าเนื้อหาต่างๆ ผู้เขียนควรวางโครงเรื่องให้ดี ให้มีความสอดคล้องกันตลอดเรื่อง ครบทุกประเด็นที่โจทย์ต้องการ Conclusionคือ บทสรุปของเนื้อหาทั้งหมดซึ่งจะขมวดใจความสำคัญของเรื่อง ตรงประเด็น ไม่ขัดแย้งกับเนื้อหาที่เขียน *อย่างไรก็ตาม เราจะต้องพิจารณาว่าหัวข้อที่เราได้มานั้นควรจะถูกเขียนเป็น 4 หรือ 5[…]

ติวIGCSE ไม่ยากอย่างที่คิด

ปัจจุบันทางเลือกด้านการศึกษาต่อของเด็กและเยาวชนไทยมีความหลากหลายและเป็นสากลมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ สามารถพัฒนาศักยภาพของตนให้ก้าวสู่ระดับโลก (worldwide) ได้ การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นและมีความเป็นสากลมีหลากหลายแนวทางขึ้นอยู่กับเป้าหมายหรือความฝันของน้องๆ แต่ละคน แต่วันนี้เราจะมาแนะนำให้ รู้จักกับระบบการสอบแบบหนึ่งที่ทั่วโลกให้การยอมรับและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน IGCSE คือระบบการสอบเพื่อเทียบวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำหรับนักเรียนอายุระหว่าง 14-16 ปี IGCSE ย่อมาจาก International General Certificate of Secondary Educational ในที่นี้จะเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า การสอบเทียบวุฒิม. ปลายโดยใช้มาตรฐานของระบบการศึกษาจากประเทศอังกฤษเป็นเกณฑ์วัดเพื่อใช้สำหรับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ผู้ที่ผ่านการสอบจากระบบ IGCSE สามารถนำผลไปยื่นศึกษาต่อในหลักสูตรเตรียมความพร้อมสู่ IB Diploma หรือ A-Level ในหรือต่างประเทศได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละมหาวิทยาลัยอาจมีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขเฉพาะ ดังนั้นน้อง ๆ จึงควรศึกษารายละเอียดของแต่ละสาขาวิชาให้ชัดเจน นอกจากการใช้ยื่นศึกษาต่อในต่างประเทศ น้อง ๆ ยังสามารถนำไปใช้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยได้ อาทิเช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น เพราะ IGCSE ได้รับการยอมรับจากกระทรวงศึกษาธิการในประเทศไทยแล้ว สำหรับการสอบ IGCSE มีให้เลือกอยู่[…]

ติวIGCSE Combined Science กันดีกว่า

การติวIGCSE Combined Science เป็นการเรียนการสอนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แบบองค์รวมครับ มันคือวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ 3 แขนง คือ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ซึ่งในการติวIGCSE Combined Science นั้นจะได้มุ่งเน้นให้เข้าใจหลักการพื้นฐานของวิทยาศาสตร์เหล่านี้ เพื่อให้น้องๆจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ต่อไปในอนาคตหากมีความสนใจในด้านนี้ ก่อนจะตัดสินใจติวIGCSE Combined Science นั้น เราต้องเข้าใจคำว่าวิทยาศาสตร์กันก่อนครับ คำว่าวิทยาศาสตร์หมายถึง วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติรอบๆตัว ทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต…แต่ไม่ใช่ว่าน้องๆที่ไม่เก่งวิทยาศาสตร์เนี่ยจะเป็นคนที่อยู่นอกเหนือกฎธรรมชาตินะครับ…จริงๆแล้วก็แค่ไม่เข้าใจพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ในแต่ละเรื่องมากกว่า การติวIGCSE Combined Science ก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้ครับ แรกเริ่มเดิมทีนะครับนักปรัชญาทั้งหลายถือเป็นที่สุดของผู้รู้นะครับ ส่วนมากจะสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาเกี่ยวกับหลักการดำเนินชีวิต หลักการบริหารดังนั้นในสมัยนั้นนักปราชญ์ถือเป็นสถานะขั้นสุดครับ แม้แต่กษัตริย์ยังต้องมาร่ำเรียนด้วยเลย…แต่เมื่อมีผู้รู้มากขึ้นเรื่อยๆ นักปรัชญาที่ต้องการสร้างความแตกต่างก็จะใช้วิธีการสังเกตุจากสิ่งต่างๆรอบๆตัว ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า สิ่งแวดล้อม พืช สัตว์ ฯ จึงได้เกิดศาสตร์ที่เรียกว่า วิทยาศาสตร์ขึ้นมา แรกสุดก็เป็นดาราศาสตร์จนมาตอนหลังจึงได้แยกศาสตร์เหล่านั้นเป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์คือ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ยังไงล่ะครับ โดยที่ดาราศาสตร์ก็เอาไปผนวกเข้ากับฟิสิกส์เพราะอธิบายเกี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิตไงครับ…ซึ่งการติวIGCSE Combined Science จะชี้ให้เห็นจุดสังเกตุว่าในวิทยาศาสตร์แต่ละเรื่องนั้นมีอะไรที่เราควรสงสัยอยากรู้บ้าง และเพราะอะไรเราจึงอยากรู้มัน ยกตัวอย่างนะครับ เราเรียนเรื่องระบบการย่อยอาหารกันไปทำไม? สาเหตุก็คือมีคนสงสัยครับว่าทำไมอาหารที่เราทานเข้าไปเช่นผัก เนื้อ มันมีสีเขียว[…]

ติว IGCSE ที่ไหนดี Physics

IGCSE(International General Certificate of Secondary Education) เป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการให้เทียบเท่ากับวุฒิ ม.6 และใช้ผลสอบสมัครเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในประเทศไทยได้โดยต้องสอบผ่านใน 5 วิชาโดยเลือกจาก 5สาขาวิชาหลัก คือ กลุ่มสาขาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาขาภาษา กลุ่มสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และกลุ่มสาขาทักษะวิชาชีพ ในการติวIGCSE นั้นน้องๆหลายคนคงมีคำถามว่า จะเลือกติวIGCSEที่ไหนดี เพราะในกรุงเทพ หรือประเทศไทยนั้นก็มีสถาบันติวIGCSE อยู่มากมาย วันนี้เราจึงขอแนะนำให้ติวIGCSE ที่ The Planner Education เพราะครูที่สอนล้วนผ่านการสอบIGCSEโดยตรงและมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า5ปี และมีสาขาวิชาต่างๆให้เลือกมากมายกว่า15วิชาเลยทีเดียว สำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าทำการศึกษาในสาขาแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ หรือสาขาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ วิชาที่มักพบว่ามีปัญหาค่อนข้างมากก็คือ ฟิสิกส์ ในการติวIGCSE นั้นเราก็มีคอร์สวิชาฟิสิกส์ให้ได้เรียนกัน น้องๆหลายคนที่ได้เรียนฟิสิกส์แล้วจะบ่นกันเป็นอย่างมากเลยว่า “ทำไม..ยากกกกอย่างนี้” “ทำไม…คำนวณยากจัง…” ปัญหาหลักในการเรียนวิชาฟิสิกส์นั้นหาใช่การคำนวณที่ยากไม่ แต่เป็นวิธีการวิเคราะห์เพื่อเริ่มทำโจทย์แบบฝึกหัดแต่ละข้อมากกว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบฝึกหัดในบทเดียวกันแต่วิธีการอาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละข้อ ดังนั้นเมื่อติวIGCSE Physics แล้วน้องๆสามารถที่จะวิเคราะห์โจทย์แต่ละข้อได้ว่าควรมีวิธีการเริ่มต้นในการทำอย่างไร เพราะหัวใจของวิชาฟิสิกส์ไม่ได้อยู่ที่การคำนวณแต่อยู่ที่ความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีเงื่อนไขต่างๆมาให้ต่างหาก เมื่อติวIGCSEวิชาฟิสิกส์แล้วน้องๆจะมองเห็นได้ว่าในแต่ละข้อของโจทย์นั้นมีเงื่อนไขอะไรมาให้บ้าง หรือมีเงื่อนไขอะไรที่ซ่อนอยู่บ้าง ความกังวลต่อมาก็คือศัพท์ทางฟิสิกส์ซึ่งค่อนข้างเข้าใจยาก เป็นศัพท์เฉพาะ แต่หลังจากติวIGCSEในรายวิชานี้แล้วจะพบว่าศัพท์เทคนิคเหล่านั้นจริงๆแล้วมันเป็นแค่กลุ่มของคำศัพท์ที่ใช้ซ้ำๆกันเมื่อเราได้เห็นคำศัพท์พวกนี้บ่อยๆมันก็จะเกิดความคุ้นเคย จากเดาก็กลายเป็นเข้าใจ แล้วน้องๆจะพบว่าการติวIGCSEนั้นมันช่วยน้องๆได้มากมายทีเดียว[…]

ติว IGCSE กับ Planner Education

ติว IGCSE กับ The Planner Education IGCSE (International General Certificate of Secondary Education) คือ ประกาศนียบัตรเทียบเท่าวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายระบบอังกฤษ รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการในประเทศไทย และได้รับการยอมรับระดับสากล การสอบ IGCSE นั้นเป็นการสอบเทียบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ หรือประเทศอื่นที่ต้องการผลสอบ IGCSE ผู้สมัครสามารถเลือกสอบวิชาใดๆ ก็ได้ตามความเหมาะสมและความรู้ความสามารถของตนเอง โดยต้องสอบIGCSE ให้ผ่านทั้งหมด 5 วิชาจึงจะได้วุฒิมาครอบครอง ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เน้นการวิเคราะห์ รูปแบบการสอบจะเป็นอัตนัยหรือเขียนบรรยายเสียส่วนใหญ่ สำหรับข้อสอบแบบปรนัยหรือ multiple choices นั้นมีเล็กน้อยในบางวิชา สำหรับในประเทศไทย การติว IGCSE ตามสถาบันที่เปิดสอนกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ เพราะ IGCSE เป็นประกาศนียบัตรที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ที่สามารถนำมาใช้รองรับคุณวุฒิของผู้ที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย เพื่อนำมาใช้ยื่นศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในประเทศไทย เช่น ภาคอินเตอร์ของ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล ก็สามารถนำใบ IGCSE[…]