Q&A เรื่อง GED Ready กับพี่ๆ The Planner Education

GED Ready คืออะไร? ทำไมต้องสอบ? น้องๆ ที่กำลังเรียน GED เตรียมสอบอาจจะเกิดความสงสัยเนื่องจากกฎใหม่จาก Official ที่บังคับให้ต้องสอบ GED Ready ก่อนสอบจริง วันนี้พี่ๆ The Planner Education รวบรวมคำถามที่น้องๆ สงสัยเกี่ยวกับ GED Ready มาตอบไว้ให้ในที่เดียวค่ะ :) Q: GED Ready คืออะไรA:  GED Ready คือการฝึกทำข้อสอบ GED เสมือนจริงทั้ง 4 วิชา แนวข้อสอบใกล้เคียงของจริงมากที่สุด และมีคะแนนแจ้งเราด้วยว่าได้เท่าไหร่ เพื่อวัดความพร้อมของน้องๆ โดยผลการทดสอบ GED Ready จะเป็นตัวบ่งชี้ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของน้องๆ ในการทดสอบ GED อย่างเป็นทางการได้แม่นยำมาก Q:กฏใหม่ของ GED ว่าด้วยเรื่องการสอบ GED ReadyA: ที่ผ่านมาไม่ได้มีกฎบังคับว่าผู้เข้าสอบ GED ทุกคนต้องผ่านการสอบ GED Ready ถึงจะสามารถเข้าสอบได้ แต่ล่าสุดได้มีกฏใหม่สำหรับน้องๆ[...]

SAT Passage-based Reading and Writing : Future Simple VS Future Perfect

            สวัสดีครับ วันนี้เรามาดูภาษาอังกฤษในบทเรียน SAT Passage-based Reading and Writing กันนะครับ หากเราต้องการที่จะบรรยายเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือเล่าเหตุการณ์ในอนาคต เราสามารถใช้โครงสร้างประเภท Future Tense มาช่วยประกอบการบรรยายได้ แต่ทราบกันไหมครับว่าอันที่จริงอนาคตในภาษาอังกฤษมีวิธีเล่าทั้งหมดถึง 4 แบบด้วยกัน แต่วันนี้พี่จะมาสอนวิธีการใช้รวมทั้งเปรียบเทียบความแตกต่างของ Future Simple กับ Future Perfect ให้น้องฟัง เพราะข้อสอบและบทเรียน SAT พาร์ท English ชอบทดสอบว่าน้องสามารถแยกแยะและใช้งาน Tense คู่นี้ได้หรือเปล่า             ปกติแล้วเรามักจะใช้ Future Tense ในการบรรยายเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เพียงแต่ผู้พูดวางแผนหรือคาดการณ์ว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญของ Tense นี้คือคำว่า “will” (จะ) และอย่าลืมนะหลัง will ต้องตามด้วย Infinitive Verb เสมอ ( Verb ไม่ผันและห้ามเติม -s/-es/-ed หรือ -ing ต่อท้ายเด็ดขาด!)[...]

SAT Chemistry : Energy change

วันนี้มาเรียน SAT Chemistry กับเรื่อง Energy Change กันครับ การเปลี่ยนแปลงทางเคมีเสมอ เกิดจากมุมมองอันประกอบไปด้วย ระบบ (System) คือ สิ่งที่เราให้ความสนใจ และ สิ่งแวดล้อม (Surroundings) คือ สิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขตที่เราสนใจ ตัวอย่าง ในบทเรียน SAT Chemistry จะมีเรื่องการละลายของน้ำแข็ง (ระบบ คือ น้ำแข็ง และ สิ่งแวดล้อม คือ อากาศภายนอกหรือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่น้ำแข็ง) ในวิชา SAT Chemistry เคมี ความรู้แขนงนี้ถูกต่อยอด ด้วยการนำหลักการทางความร้อนมาใช้พบว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยส่วนมากแล้ว จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพลังงานตามมาเสมอ   เมื่อติว SAT Chemistry เราจะต้องเรียนรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงพลังงาน ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ การคายพลังงาน (ภาพด้านซ้ายมือ) เกิดขึ้นเมื่อระบบปล่อยพลังงานออกมาสู่สิ่งแวดล้อม ทำให้พลังงานภายในระบบลดลง ส่งผลให้พลังงานของระบบ ณ จุดสุดท้าย[...]

GED Social : Brown V. Board of Education

            ในเนื้อหาการเรียน GED Social Studies หลังจากสงครามกลางเมืองของอเมริกา (Civil War) จบลงทำให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 13 (Thirteenth Amendment) ซึ่งประกาศให้มีการเลิกทาสทั่วประเทศอเมริกา เหตุการณ์ความขัดแย้งนี้ดูเหมือนจะจบลงอย่างงดงาม ทว่าแม้ระบบทาสจะสิ้นสุดบุคคลที่เคยเป็นทาสมาก่อน (Former Slaves) ก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกชาวอเมริกาผิวขาวกดขี่และปฏิบัติต่อแบบเหยียดสีผิว (Racism)              เราต้องรู้เรื่องราวนี้ในเนื้อหาเรียน GED Social Studies เพื่อทำคะแนนสอบด้วยนะครับ สังคมอเมริกาหลังจบสงครามกลางเมืองเต็มไปด้วยการแบ่งแยกเชื้อชาติระหว่างคนผิดขาวกับคนผิวดำ (Segregation) โดยที่คนผิดขาวมักจะมองว่าตนเหนือกว่าและมีสิทธิมากกว่า กฎหมายในสังคมตอนนั้นก็สนับสนุนให้เกิดการแบ่งแยกและกดขี่พร้อมทั้งลิดรอนสิทธิของอดีตทาส เช่น กฎหมาย Jim Crow ที่ระบุว่าคนขาวกับคนดำห้ามใช้สิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะร่วมกัน อาทิม้านั่งและน้ำดื่มสาธารณะ, คนผิดขาวและคนผิวดำห้ามแต่งงานกัน และห้ามเด็กผิวขาวกับเด็กผิวสีเรียนในโรงเรียนร่วมกัน             แต่การแบ่งแยกเชื้อชาติและการเหยียดสีผิวก็เริ่มลดลงเนื่องจากคำตัดสินของศาลฎีกาสูงสุดของอเมริกา (US Supreme Court) ในคดีครั้งสำคัญที่ชื่อว่า Brown V. Board of Education (คดีนี้ชอบออกข้อสอบ Social ฉะนั้นเรียน GED Social Studies ต้องมีเรื่องนี้นะครับ)[...]

GED Math : Order of operations

ติว GED Math วันนี้เราจะมาดูเรื่องการคำนวณทางคณิตศาสตร์เบื้องต้น ประกอบไปด้วย การบวก, การลบ, การคูณ และ การหาร เพียงแค่สี่การก็สามารถนำมาประกอบรวมกันกลายเป็นการคำนวณที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การคำนวณร้อยละ, การยกกำลัง และ การหาค่าเฉลี่ย แต่ก่อนที่จะมาคำนวณ เราจะต้องเข้าใจพื้นฐานของลำดับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (Order of operations) เสียก่อน เพราะเป็นเนื้อหาสำคัญในการคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน หากไม่เข้าใจลำดับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ จะส่งผลกระทบต่อการคำนวณผิดพลาดอย่างรุนแรง แม้ว่าในข้อสอบ GED Mathematical Reasoning จะไม่ได้ออกเนื้อหานี้โดยตรง แต่ก็ถูกนำไปประยุกต์รวมกับเนื้อหากว่าครึ่งหนึ่งของข้อสอบทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเราเรียน GED Math เรื่องนี้ เนื้อหาที่จำเป็นต้องมีพื้นฐานการคำนวณทางคณิตศาสตร์ มีดังต่อไปนี้ พหุนาม (Polynomial) เลขยกกำลัง (Exponential) เศษส่วน, อัตราส่วน และ ร้อยละ (Fraction, Ratio and Percent) การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว (Linear Equation) การแก้ระบบสมการ (System of[...]

SAT Math : Conversion factor

ในการเรียน SAT Math เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ ปัญหาที่ทำให้เด็กตอบคำถามผิด มาจากคำนวณหน่วยผิดซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่เด็กทุกคนเรียนกันมาตั้งแต่สมัยประถม เนื้อหานี้เป็นหนึ่งในเนื้อหาที่สำคัญมากที่สุด เพราะอยู่ในข้อสอบทุกประเภท โดยเฉพาะใน SAT Mathematics นอกจากนี้ยังออกในข้อสอบ SAT Chemistry และ SAT Physics อีกด้วย จะเห็นได้ว่าเนื้อหาบทนี้สำคัญมากเพียงใด ตัวอย่าง  มีลูกอม 20 เม็ด แบ่งให้เพื่อนไป 1 โหล จะเหลือลูกอมกี่เม็ด สังเกตว่าเราไม่สามารถคำนวณ “20 เม็ด – 1 โหล” ได้ เพราะการบวกลบหน่วยต้องตรงกันเสมอ การบวกลบ หน่วยต้องเหมือนกัน                                 เช่น 2 เมตร + 5 เมตร = 7 เมตร หรือ 12 นาที – 4 นาที =[...]

GED Science : Atom particles

ในการเรียน GED Science วิชาเคมี ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า ในธาตุจะประกอบไปด้วยหน่วยที่เล็กที่สุด เรียกว่า (Atom) ซึ่งในอะตอมก็ประกอบไปด้วยอนุภาคทั้งหมด 3 อย่างได้แก่ โปรตอน (Proton, p+) มีประจุเป็นบวกทางไฟฟ้า ธาตุเดียวกันจะต้องมีจำนวนโปรตอนเท่ากันเสมอ ดังนั้นโปรตอนจึงเป็นอนุภาคที่ใช้กำหนดเอกลักษณ์ของธาตุ นักวิทยาศาสตร์คนใดที่อยากคิดค้นธาตุใหม่จำเป็นต้องทำให้จำนวนโปรตอนในธาตุมีปริมาณที่ไม่ซ้ำกับธาตุดั้งเดิม ซึ่งพบว่าในปัจจุบันธาตุใหม่อาจต้องใส่โปรตอนเข้าไปในอะตอม ไม่ต่ำกว่า 120 ตัว ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในวงการวิทยาศาสตร์ นิวตรอน (Neutron, n0) มีสมบัติเป็นกลางทางไฟฟ้า 3. อิเล็กตรอน (Electron, e-) มีประจุเป็นลบทางไฟฟ้า ก่อนสอบเมื่อเราเรียน GED Science เราต้องรู้เรื่องนี้กันด้วยนะครับ ทั้งโปรตอนและนิวตรอนจะรวมตัวกันอยู่บริเวณตรงกลางอะตอม เรียกว่า นิวเคลียส (Nucleus) ซึ่งมีมวลมาก และทั้งสองอนุภาคมีมวลใกล้เคียงกัน โดยนิวตรอนและโปรตอนไม่เคลื่อนที่แต่จะสั่นเพราะมีแรงทางนิวเคลียร์ดึงดูดให้โปรตอนกับนิวตรอนอยู่ติดกัน ในขณะที่อิเล็กตรอนจะมีมวลน้อยกว่าโปรตอนและนิวตรอนกว่ามาก ในการติว GED Science ผู้เข้าสอบจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาจำนวนอนุภาคพื้นฐานเหล่านี้ให้ได้ โดยใช้เครื่องมือชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ตารางธาตุ (Periodic Table) เพราะตารางธาตุเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้ม สมบัติทางกายภาพและสมบัติทางเคมีของธาตุได้[...]

GED RLA : Common Pronoun Errors

          เรียน GED RLA วันละนิด วันนี้เรามาดูว่าเวลาที่เราใช้คำสรรพนาม (Pronoun) แทนคำนามที่ถูกกล่าวถึงไปแล้วในประโยค นอกเหนือจากเราจะต้องคำนึงเรื่องการใช้รูปฟอร์มของสรรพนามให้สอดคล้องกับหน้าที่ เช่น การใช้รูปประธาน  (I, You, We, They) หรือรูปแสดงความเป็นเจ้าของ (his, its, their, my) ทุกคนควรจะระมัดประเด็นต่อไปนี้ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการใช้คำสรรพนามที่เราพบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน (Common Pronoun Errors) และในข้อสอบ GED RLA ด้วย 1 ต้องเปรียบเทียบ Pronoun กับสิ่งที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ - My hair is longer than yours. (My hair is longer than your hair) หากจะเปรียบเทียบความยาวของเส้นผม เราก็ต้องเปรียบเทียบกับความยาวเส้นผมของอีกคนหนึ่ง      ห้ามเปรียบเทียบของคนละประเภท เช่น My hair is longer[...]

SAT English – Confusing Words

            ติว SAT กัน วันละตอน วันนี้จะมาดูคำที่ต้องรู้ความแตกต่าง ในชีวิตนี้ทุกคนน่าจะเคยประสบปัญหาเวลาเจอคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีลักษณะคล้ายกัน (อย่างการออกเสียงคล้ายกันหรือการสะกดคำคล้ายกัน) มักจะทำให้เราสับสนและเผลอใช้คำศัพท์เหล่านั้นผิดบริบท เช่น two VS to VS to, than VS then และ advice VS advise             จะเห็นได้ชัดเลยว่าคำกลุ่มนี้มักสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้เสมอ พี่เจอบ่อยๆจากน้องๆที่เรียน SAT กัน คำกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Confusing Words (ลักษณะคล้ายแต่มีความหมายและการใช้งานแตกต่าง) ข้อสอบ SAT เองก็มักจะทดสอบว่าพวกเรารู้คำศัพท์ รู้ความแตกต่างและการใช้งานคำศัพท์แต่ละคำมากเพียงพอที่จะไม่สับสนเวลาทำข้อสอบหรือเปล่า             วันนี้พี่ก็เลยจะมานำเสนอคำศัพท์ที่มีลักษณะคล้ายกันมากจนสร้างความสับสนให้กับน้องๆที่ติว SAT และผู้ใช้ภาษา เรื่องนี้มักจะออกข้อสอบ SAT กันครับ เราลองมาดูกันทีละคู่เลยดีกว่า Affect VS Effect             คำคู่แรกนี้เป็นคำคู่ที่ง่ายที่สุด แต่ก็ยังมีเด็กหลายคนที่ใช้งานผิดนะครับ สองคำนี้มีความหมายคล้ายกัน แปลว่า “(มี)ผลกระทบ” แตกต่างกันคือ affect =[...]