คลาสเรียน SAT ที่ The Planner จะเน้นประเมินผลเป็นรายบุคคล เพื่อนักเรียนจะได้รู้ว่าตัวเองมีจุดไหนที่อ่อนและสามารถแก้ไขปรับปรุงได้ตรงจุดที่สุด คลาสเรียน SAT ของ เดอะแพลนเนอร์จะเน้นเป็นคลาสเรียนที่ไม่ใหญ่ เพื่อที่จะประเมินผลของนักเรียนได้ตามจุดประสงค์หลัก การเรียน SAT เช่นนี้พิสูจน์ได้แล้วว่านักเรียนสามารถเพิ่มคะแนนสอบของตนเองได้ คลาสเรียน SAT ที่ The Planner มีทั้งคลาส เรียนเดี่ยว เรียนคู่ เรียนกลุ่ม หรือจัดกลุ่มมาเอง
- เรียนเนื้อหาสอบครบทุก topic
- เรียนด้วย Digital SAT อัปเดทล่าสุด
- เรียนวิธีตอบไว ตอบแม่นยำ
- ตะลุยโจทย์ยากง่ายทุกรูปแบบ
- ทำ Mock Test เสมือนจริงประเมินผล
- สอนสด แก้จุดอ่อนรายบุคคล
- ครูทุกคนจบตรง ประสบการณ์สูง
- 1400+ ทำได้จริง ที่ The Planner
- เรียนเนื้อหาสอบครบทุก topic
- เรียนด้วย Digital SAT อัปเดทล่าสุด
- เรียนวิธีตอบไว ตอบแม่นยำ
- ตะลุยโจทย์ยากง่ายทุกรูปแบบ
- ทำ Mock Test เสมือนจริงประเมินผล
- สอนสด แก้จุดอ่อนรายบุคคล
- ครูทุกคนจบตรง ประสบการณ์สูง
- 1400+ ทำได้จริง ที่ The Planner
SAT Math 800/800
SAT Math 780/800 SAT English 700/800
SAT Math 800/800 SAT English 680/800
SAT Math 790/800
SAT Math 700/800 SAT English 670/800
SAT Math 800/800 SAT English 700/800
View this post on Instagram
View this post on Instagram
View this post on Instagram
SAT COURSE ON-SITE | START | END | TIMETABLE |
SAT FAST TRACK
(TEST DATE: 7 DEC) |
19 Nov 2024 | 4 Dec 2024 | Download |
ROUND 1 WEEKEND
(TEST DATE: 8 Mar) |
23 NOV 24 | 2 MAR 25 | Download |
ROUND 2 WEEKEND
(TEST DATE: 3 May) |
11 JAN 25 | 27 APR 25 | Download |
ROUND 3 WEEKEND
(TEST DATE: 7 Jun) |
15 FEB 25 | 1 JUN 25 | Download |
ROUND 4 WEEKEND
(TEST DATE: 23 Aug) |
10 MAY 25 | 17 AUG 25 | Download |
School Break Round 1
(TEST DATE: 3 May) |
17 MAR 25 | 30 APR 25 | Download |
ROUND 5 WEEKEND
(TEST DATE: 4 Oct) |
21 JUN 25 | 28 SEP 25 | Download |
School Break Round 2
(TEST DATE: 23 Aug) |
1 JUL 25 | 8 AUG 25 | Download |
ROUND 6 WEEKEND
(TEST DATE: 8 Nov) |
19 JUL 25 | 2 NOV 25 | Download |
ROUND 7 WEEKEND
(TEST DATE: 6 Dec) |
9 AUG 25 | 30 NOV 25 | Download |
START-END | TIMETABLE |
FAST TRACK
WD: 19 NOV - 4 DEC 24 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WE: 23 NOV 24 - 2 MAR 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WE: 11 JAN - 27 APR 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WE: 15 FEB - 1 JUN 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WE: 10 MAY - 17 AUG 25 |
Download |
SCHOOL BREAK R.1
WE: 17 MAR - 30 APR 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WE: 21 JUN - 28 SEP 25 |
Download |
SCHOOL BREAK R.2
WE: 1 JUL - 8 AUG 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WE: 19 JUL - 2 NOV 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WE: 9 AUG - 30 NOV 25 |
Download |
SAT COURSE ONLINE | START | END | TIMETABLE |
ROUND 1 WEEKDAY
(TEST DATE: 8 Mar) |
21 NOV 24 | 7 MAR 25 | Download |
ROUND 2 WEEKDAY
(TEST DATE: 3 May) |
21 JAN 25 | 30 APR 25 | Download |
ROUND 3 WEEKDAY
(TEST DATE: 7 Jun) |
25 FEB 25 | 6 JUN 25 | Download |
ROUND 4 WEEKDAY
(TEST DATE: 23 Aug) |
15 MAY 25 | 22 AUG 25 | Download |
ROUND 5 WEEKDAY
(TEST DATE: 4 Oct) |
26 JUN 25 | 3 OCT 25 | Download |
ROUND 6 WEEKDAY
(TEST DATE: 8 Nov) |
31 JUL 25 | 7 NOV 25 | Download |
ROUND 7 WEEKDAY
(TEST DATE: 6 Dec) |
28 AUG 25 | 3 DEC 25 | Download |
START-END | TIMETABLE |
CONTENT+PAPER+FAST
WD: 21 NOV 24 - 7 MAR 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WD: 21 JAN - 30 APR 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WD: 25 FEB - 6 JUN 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WD: 15 MAY - 22 AUG 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WD: 26 JUN - 3 OCT 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WD: 31 JUL - 7 NOV 25 |
Download |
CONTENT+PAPER+FAST
WD: 28 AUG - 3 DEC 25 |
Download |
- เรียน SAT กลุ่ม (Group)
- เรียน SAT เดี่ยว (One-on-One)
- เรียน SAT คู่ (Semi)
- เรียน SAT จัดกลุ่มมา (Private Group)
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- เลือกเวลาเรียนได้ตามต้องการ
- ขาดเรียน ชดเชยได้
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- เลือกเวลาเรียนได้ตามต้องการ
- ขาดเรียน ชดเชยได้
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- เลือกเวลาเรียนได้ตามต้องการ
- ขาดเรียน ชดเชยได้
ติดต่อสอบถามคอร์สการเรียน SAT ได้ที่ 095-726-2666 หรือ LINE: @theplanner
คอร์สเรียน SAT (เนื้อหา) ที่ The Planner จะเป็นการสอนเนื้อหาทั้งหมดที่มีในข้อสอบโดยเฉพาะเนื้อหาสำคัญที่ออกสอบซึ่งทางทีมคุณครูจะมีการอัพเดทข้อสอบในทุกๆรอบ ทำการวิเคราะห์และสรุปเนื้อหาสำคัญทั้งหมดที่มีในข้อสอบอย่างละเอียด นอกเหนือจากนั้นคอร์สเรียน SAT (เนื้อหา) นี้จะเน้นการตีโจทย์ให้แตกเพราะที่ผ่านมาอุปสรรคที่นักเรียนส่วนใหญ่พบเจอนั้นคือ การตีโจทย์ไม่ออกส่งผลให้เข้าใจโจทย์ข้อนั้นๆผิดไป เนื่องจากการตีโจทย์เพื่อหาคำตอบให้ถูกต้องนั้นไม่ง่ายและสำคัญเป็นอย่างมากในการสอบ SAT คอร์สเรียน SAT (เนื้อหา) จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์นักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยมีจุดเป้าหมายให้นักเรียน SAT ที่เรียนคอร์สนี้ได้รับเนื้อหาทั้งหมดที่อัพเดทและเพิ่มความสามารถในการเข้าใจคำถามเพื่อคำตอบที่ถูกต้อง ตาม course syllabus การเรียน SAT ที่ทางสถาบันได้ออกแบบไว้นั้น ทีมคุณครูติว SAT ได้วิเคราะห์และวางแผนออกมาเป็นจำนวนชั่วโมงที่จำเป็นต่อการเรียน SAT เพื่อให้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดและส่วนที่สำคัญของการสอบ SAT โดยจะแบ่งออกเป็น 2 พาร์ทด้วยกัน คอร์สเรียน SAT เนื้อหานี้จึงเหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการรู้ scope เนื้อหาของข้อสอบ SAT ความลึกของเนื้อหา วิธีการตีโจทย์ เทคนิคการตอบให้ถูก หรือสำหรับนักเรียนที่ต้องการทบทวนรายละเอียดเนื้อหาทุกอย่างที่จำเป็นในการสอบ
คอร์สติว SAT
ติว SAT คอร์ส CONTENT (เนื้อหา)
1. คอร์สติว SAT Math (Content) – 40 ชั่วโมง
2. คอร์สติว SAT English (Content) – 40 ชั่วโมง
คอร์สเรียน SAT Content (เนื้อหา) ที่ The Planner จะเป็นคอร์สที่สอนเนื้อหาทั้งหมดที่มีในข้อสอบ Digital SAT โดยเฉพาะเนื้อหาสำคัญที่ออกสอบทุกรอบ ซึ่งทางทีมคุณครูจะมีการอัปเดตข้อสอบและทำการสรุปเนื้อหาสำคัญทั้งหมดที่มีในข้อสอบอย่างละเอียด เน้นทำความเข้าใจเนื้อหาตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ฝึกวิเคราะห์และตีความโจทย์ทุกรูปแบบ คอร์สเรียน SAT Content (เนื้อหา) จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์นักเรียนที่ต้องการหาที่ติว SAT โดยมีจุดมุ่งหมายให้นักเรียน SAT ที่ The Planner ได้เรียนเนื้อหาทุกหัวข้อที่อัปเดตและเพิ่มความสามารถในการตีโจทย์อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง คอร์สเรียน SAT Content (เนื้อหา) เหมาะสำหรับนักเรียนที่ยังไม่มีพื้นฐาน หรือต้องการรู้ scope เนื้อหาของข้อสอบ Digital SAT จะได้เรียนทั้งวิธีการตีโจทย์ และเทคนิคการคิดคำตอบให้ไว หรือสำหรับนักเรียนที่กำลังหาที่ติว SAT เพื่อทบทวนรายละเอียดเนื้อหาทั้งหมดที่จำเป็นในการสอบ SAT
หากกำลังหาที่ติวเรียน SAT ที่ไหนดี ที่ติวด้วยข้อสอบ SAT รอบล่าสุด เพื่อที่จะได้ฝึกเทคนิคที่ต้องใช้อย่างถูกต้องและแม่นยำ โจทย์ที่ใช้เรียนมีโอกาสเจอในข้อสอบรอบถัดไปมากที่สุด คอร์สติว SAT Content (เนื้อหา) ตอบโจทย์สำหรับนักเรียนที่ไม่มีพื้นฐาน ทั้ง 2 วิชา รวมทั้งหมด 80 ชั่วโมง จัดเต็มเนื้อหาพร้อมตะลุยโจทย์แน่นอน
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- ครอบคลุมเนื้อหาสอบทุก Topic
- ตะลุยโจทย์ครบทุกรูปแบบ
- สอนตรงตาม Digital SAT
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
เรียน SAT คอร์ส PAPER PRACTICE (ตะลุยโจทย์)
1. คอร์สติว SAT Math (Paper Practice) – 20 ชั่วโมง
2. คอร์สติว SAT English (Paper Practice) – 20 ชั่วโมง
คอร์สเรียน SAT – Paper Practice จะเป็นคอร์สตะลุยโจทย์จาก Digital SAT และ โจทย์จาก SAT past paper ไม่ต่ำกว่า 48 ชุด ที่สถาบัน The Planner รวบรวมและจัดทำไว้ ทางทีมคุณครูที่ The Planner ได้ออกแบบคอร์สติว SAT – Paper Practice ซึ่งจะเน้นสอนวิธีทำข้อสอบให้แม่นยำและเทคนิคการทำข้อสอบที่จำเป็น เพื่อสอนในคอร์สเรียน SAT นี้โดยเฉพาะ ข้อสอบ Digital SAT เป็นข้อสอบที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการทำข้อสอบอย่างมาก ดังนั้นน้อง ๆ จึงจำเป็นต้องเรียนวิธีการทำข้อสอบ SAT ให้ไว แม่นยำ และรอบคอบ เพื่อให้ได้คะแนน SAT สูงตามที่คาดหวังไว้
คอร์สเรียน SAT – Paper Practice เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีพื้นฐานที่ได้เรียนทุก topic ตาม scope เนื้อหาของ Digital SAT มาแล้ว หรือได้เรียนคอร์สติว SAT Content (เนื้อหา) จนเสร็จสิ้นหมดทุกหัวข้อแล้ว และต้องการเรียนรู้วิธีทำแต่ละข้อเพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำ เทคนิคเพิ่มความไว ความรอบคอบ และฝึกทำโจทย์หลากหลายรูปแบบเพื่อให้ไปสอบและได้คะแนนเพิ่มมากขึ้น สำหรับใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจ
- ตะลุยโจทย์ยากง่ายครบทุกรูปแบบ
- เรียนด้วยโจทย์ครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ความแม่นยำ
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยงานแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- ตะลุยโจทย์ยากง่ายครบทุกรูปแบบ
- เรียนด้วยโจทย์ครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ความแม่นยำ
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยงานแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- ตะลุยโจทย์ยากง่ายครบทุกรูปแบบ
- เรียนด้วยโจทย์ครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ความแม่นยำ
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยงานแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- ตะลุยโจทย์ยากง่ายครบทุกรูปแบบ
- เรียนด้วยโจทย์ครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ความแม่นยำ
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยงานแผนเข้ามหาวิทยาลัย
ติดต่อสอบถามคอร์สการเรียน SAT ได้ที่ 095-726-2666 หรือ LINE: @theplanner
เรียน SAT คอร์ส FAST TRACK 20 HRS
1. คอร์สติว SAT Math (Fast Track) – 10 ชั่วโมง
2. คอร์สติว SAT English (Fast Track) – 10 ชั่วโมง
คอร์สเรียน SAT Fast Track 20 ชั่วโมง จะเป็นคอร์สเน้นเทคนิคลัด เจาะลึกโจทย์ทุกข้อ ทุกรูปแบบ เก็บครบทุกรายละเอียดข้อสอบ SAT ภายใน 20 ชั่วโมง ทั้งวิชาติว SAT Math และ SAT English น้อง ๆ จะได้ตะลุยโจทย์จาก Digital SAT รอบอัปเดตล่าสุด สดใหม่ ไม่ซ้ำ นอกจากนักเรียนจะได้ติวโจทย์ทุกข้อ ทุกรูปแบบแล้ว ก็จะได้โฟกัสเน้น ๆ ไปที่คำถามที่ออกสอบบ่อย ติวสอบ SAT เพื่อพัฒนาครบทุกทักษะอย่างตรงจุด และสามารถนำไปต่อยอดทั้งในวิชา Math และ English ได้อีกด้วย ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 20 ชั่วโมง ได้เรียนเจาะลึกเทคนิคครบทุกข้อ และสามารถอัปคะแนนให้สูงขึ้นได้
คอร์สเรียน SAT Fast Track 20 ชั่วโมง เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีพื้นฐานมาก่อนแล้ว ได้เรียนทุก topic ตาม scope เนื้อหาของ Digital SAT หรือได้เรียนคอร์สติว SAT Content (เนื้อหา) และ SAT Paper Practice จนเสร็จสิ้นหมดแล้วทุกหัวข้อ หรือคนที่มีพื้นฐาน แต่มีระยะเวลาจำกัดในการเตรียมตัวติวสอบ SAT และต้องการเน้นเทคนิคทำโจทย์ ในคลาสจะมีคำแนะนำเสริมจากคุณครูผู้เชี่ยวชาญ ได้รู้เทคนิคเพิ่มเติมในโจทย์ทุก ๆ ข้อที่ออกสอบ
- เจาะลึกเทคนิคโจทย์ทุกข้อ
- เรียนด้วยโจทย์จริงครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ตอบแม่น
- ฝึกใช้สูตรที่ออกสอบบ่อย
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- เจาะลึกเทคนิคโจทย์ทุกข้อ
- เรียนด้วยโจทย์จริงครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ตอบแม่น
- ฝึกใช้สูตรที่ออกสอบบ่อย
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- เจาะลึกเทคนิคโจทย์ทุกข้อ
- เรียนด้วยโจทย์จริงครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ตอบแม่น
- ฝึกใช้สูตรที่ออกสอบบ่อย
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
- เจาะลึกเทคนิคโจทย์ทุกข้อ
- เรียนด้วยโจทย์จริงครบทุก Topic
- เรียนเทคนิคเพิ่มความไว ตอบแม่น
- ฝึกใช้สูตรที่ออกสอบบ่อย
- ฟรี Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- บริการครบ ลงสอบ ติดตามผล
- ช่วยวางแผนเข้ามหาวิทยาลัย
ติดต่อสอบถามคอร์สการเรียน SAT ได้ที่ 095-726-2666 หรือ LINE: @theplanner
รายละเอียดการติว SAT
คอร์สเรียน SAT – เนื้อหา (Content) ที่ The Planner น้อง ๆ จะได้เรียนเนื้อหา Digital SAT ที่ออกสอบครบทุก Topic โดยจะเริ่มติวตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงตะลุยโจทย์ทั้งจาก Practice tests และจากข้อสอบเก่าที่สถาบัน The Planner รวบรวมไว้มากกว่า 48 ชุด สอนโดยคุณครูที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง คอร์สเรียน SAT เนื้อหา (Content) คอร์สติว SAT นี้จะครอบคลุมเนื้อหาที่ออกสอบให้ครบทุกหัวข้อ นักเรียนที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้ คอร์สนี้จะใช้ระยะเวลาในการเรียนทั้งหมด 80 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 2 วิชา ดังนี้
- วิชา Math 40 ชั่วโมง
- วิชา English 40 ชั่วโมง
คอร์สติว SAT – ตะลุยโจทย์ (Paper Practice) คอร์สเรียน SAT นี้จะเน้นไปที่การทำข้อสอบให้ไว ให้แม่นยำ เทคนิคในการเพิ่มคะแนน คอร์สเรียน SAT แบบตะลุยโจทย์นี้ ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 40 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 2 วิชา ดังนี้
- วิชา Math 20 ชั่วโมง
- วิชา English 20 ชั่วโมง
และคอร์สติว SAT – FAST TRACK 20 HRS คอร์สเรียน SAT นี้จะเน้นเทคนิคในการทำโจทย์ทุกข้อ ทุกรูปแบบ สำหรับนักเรียนที่มีเวลาจำกัดในการเตรียมตัวสอบ SAT ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 20 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 2 วิชา ดังนี้
- วิชา Math 10 ชั่วโมง
- วิชา English 10 ชั่วโมง
การเรียน SAT ที่ The Planner คุณครูจะมีการประเมินผลน้อง ๆ เป็นรายบุคคล ไม่ว่าจะเรียน SAT เดี่ยวหรือเรียน SAT กลุ่ม เพื่อให้น้อง ๆ แต่ละคนได้รู้ว่าตัวเองมีจุดไหนที่ควรพัฒนาเพิ่มเติมหรือจุดไหนที่ควรแก้ไขปรับปรุง แถมน้อง ๆ ยังได้ทำ SAT Mock Test เสมือนจริงฟรีอีกด้วย คลาสเรียน SAT ที่เดอะ แพลนเนอร์ เป็นคลาสเรียนที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไปจึงทำให้การเรียนการสอนทุกคลาสมีประสิทธิภาพ วัดผลได้ สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังคิดว่าจะติว SAT ที่ไหนดี หรือตัดสินใจอยู่ว่าการติว SAT ที่ The Planner เป็นอย่างไร ที่ The Planner Education นอกจากคุณครูทุกคนมีประสบการณ์การสอนมาหลายปี ทางสถาบันยังมีการพัฒนาความรู้ความสามารถของคุณครูผ่านการจัด Teacher training และ Exam workshop อย่างสม่ำเสมอ สถาบัน The Planner ไม่เพียงแต่เน้นการเรียนการสอนที่มีคุณภาพตรงตามข้อสอบแล้ว ทางสถาบันยังมีพี่ ๆ Educational consultants ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการให้คำปรึกษา แนะแนว วางแผนการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยอีกด้วย
คอร์สติว SAT ที่ The Planner มี 3 แบบด้วยกัน ได้แก่
- คอร์สเรียน SAT – เนื้อหา (Content)
- คอร์สเรียน SAT – ตะลุยโจทย์ (Paper Practice)
- คอร์สเรียน SAT – FAST TRACK 20 HRS
ซึ่งแต่ละคอร์สเรียน SAT จะมีความแตกต่างกัน แบ่งไปตามจุดประสงค์ในการเรียนของนักเรียนแต่ละคน
- น้อง ๆ ที่ไม่มีพื้นฐาน ไม่เคยสอบมาก่อน หรือต้องการติวเพื่ออัปคะแนนเพิ่ม คอร์ส Content + Paper Practice จะช่วยให้น้อง ๆ ได้ทั้งปรับพื้นฐานความรู้ที่ใช้ในการสอบ SAT จากข้อสอบชุดล่าสุด ได้เรียนรู้ครบทุก Topic ที่ออกสอบบ่อย พร้อมทั้งยังได้ตะลุยโจทย์กว่า 48 ชุด เพื่อให้คุ้นชินกับข้อสอบมากที่สุด และไปสอบได้อย่างมั่นใจมากขึ้นแม้จะเป็นการสอบ SAT ครั้งแรก
- ส่วนน้อง ๆ ที่มีพื้นฐานมาก่อนแล้ว และมีเวลาจำกัดในการเตรียมตัว ต้องการติวเน้นเรื่องเทคนิคล้วน ๆ ที่ใช้ในการสอบ SAT และฝึกทำ Past paper อัปเดตล่าสุด คอร์สติว SAT FAST TRACK 20 HRS ก็จะเหมาะกับน้อง ๆ มากที่สุด
ทั้งนี้หากสมัครติว SAT ที่ The Planner น้อง ๆ จะได้ทำ SAT Mock Test ฟรี ก่อนสอบอีกด้วย ข้อสอบจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมาก ๆ เพื่อที่น้อง ๆ จะได้คุ้นชินกับสถานการณ์ในห้องสอบจริง จะมีการจับเวลาจริง และผลจะออกทันที ซึ่งจะเป็นการประเมินความรู้ความเข้าใจของตัวเองจากสิ่งที่ได้เรียนไปอีกด้วย
คอร์สติว SAT PAPER PRACTICE VS FAST TRACK?
คอร์สติว SAT PAPER PRACTICE และ FAST TRACK จะมีส่วนที่เหมือนกันตรงที่ทั้ง 2 คอร์สติวนี้จะเน้นไปที่การทำโจทย์ ตะลุยโจทย์ทุกรูปแบบ เพื่อที่เวลาไปสอบนักเรียนจะได้คุ้นชินกับระบบข้อสอบ SAT มากที่สุด ถ้าหากคนที่ไม่เคยไปสอบ SAT มาก่อน แล้วมาลงเรียนคอร์สติว SAT ที่ The Planner อย่างไรก็ไม่พลาดโอกาสที่จะได้ลองจับข้อสอบจริงอย่างแน่นอน คอร์สติวนี้จะช่วยลดความตื่นเต้นของน้อง ๆ เวลาไปสอบของจริงได้
ส่วนข้อแตกต่างระหว่าง 2 คอร์สติว SAT จะมีดังนี้
- คอร์สติว SAT PAST PAPER จะเน้นสอนวิธีทำข้อสอบให้แม่นยำ และเทคนิคการทำข้อสอบที่จำเป็น ข้อสอบ Digital SAT เป็นข้อสอบที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการทำข้อสอบอย่างมาก ดังนั้นน้อง ๆ จึงจำเป็นต้องเรียนวิธีการทำข้อสอบให้ไว แม่นยำ และรอบคอบ เพื่อให้ได้คะแนน SAT สูงตามที่คาดหวังไว้
เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีพื้นฐานที่ได้เรียนทุก topic ตาม scope เนื้อหาของ Digital SAT มาแล้ว หรือได้เรียนคอร์สติว SAT Content (เนื้อหา) จนเสร็จสิ้นหมดทุกหัวข้อแล้ว และต้องการเรียนรู้วิธีทำแต่ละข้อเพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำ เทคนิคเพิ่มความไว ความรอบคอบ และฝึกทำโจทย์หลากหลายรูปแบบเพื่ออัปคะแนนมากขึ้น
- คอร์สติว SAT FAST TRACK จะเป็นคอร์สเน้นเทคนิคลัด เจาะลึกโจทย์ทุกข้อ ทุกรูปแบบ เก็บครบทุกรายละเอียดข้อสอบ SAT ภายใน 20 ชั่วโมง ทั้งวิชาติว SAT Math และ SAT English นอกจากนักเรียนจะได้ติวโจทย์ทุกข้อ ทุกรูปแบบแล้ว ก็จะได้โฟกัสเน้น ๆ ไปที่คำถามที่ออกสอบบ่อย ติวสอบ SAT เพื่อพัฒนาครบทุกทักษะอย่างตรงจุด และสามารถนำไปต่อยอดทั้งในวิชา Math และ English ได้อีกด้วย
เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีพื้นฐานมาก่อนแล้ว แต่มีระยะเวลาจำกัดในการเตรียมตัวติวสอบ SAT และต้องการเน้นเทคนิคทำโจทย์ ในคลาสจะมีคำแนะนำเสริมจากคุณครูผู้เชี่ยวชาญ ได้รู้เทคนิคเพิ่มเติมในโจทย์ทุก ๆ ข้อที่ออกสอบ
- ฟรี SAT Mock Test เสมือนจริงก่อนสอบ
- เทคนิควิเคราะห์โจทย์และตอบคำถามให้ถูก
- ทริคลัดประหยัดเวลา ตอบอย่างแม่นยำ
- ช่วยวางแผนการเรียนจนสอบเสร็จ และยื่นคะแนน
- ติดตามและอัปเดตข้อมูล SAT อยู่เสมอ
- เดินทางสะดวก ติด BTS ชิดลม ทางออก 4
- ได้เจอทุกรูปแบบคำถามของ SAT
- กลุ่มเล็ก สอนสด ประเมินผลรายบุคคล
หากน้อง ๆ กำลัง หาที่ติว SAT ที่ไหนดี ทำไมต้อง The Planner คอร์สติว SAT ที่ The Planner Education จะเน้นเทคนิคที่จำเป็นในการนำไปสอบโดยเฉพาะ คุณครูที่ The Planner จะเก็บหมดทุกปัญหาที่ผู้สอบ SAT เคยเจอ และแก้ปัญหานั้นด้วยเทคนิคเฉพาะ นอกจากจะสามารถตอบคำถามถูกต้องและแม่นยำแล้ว ยังประหยัดเวลาในการทำข้อสอบได้อีกด้วย โดยคุณครูจะสอนจากข้อสอบ Past paper ที่อัปเดตล่าสุดเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าน้อง ๆ ที่มาเรียนคอร์ส SAT ได้คุ้นเคยกับโจทย์ก่อนไปสอบจริง
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนสอบและเรียน SAT
ข้อสอบ Digital SAT คืออะไร?
Digital SAT Test (Scholastic Aptitude Test หรือ Scholastic Assessment Test) คือ การสอบวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกา จัดขึ้นโดยหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า College Board ปัจจุบันข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่มหาวิทยาลัยทั่วโลกให้การยอมรับ รวมถึงมหาวิทยาลัยในประเทศไทย เมื่อน้อง ๆ ยื่นเข้าเรียนต่อในหลักสูตรอินเตอร์ หรือนานาชาติ
จากเดิมข้อสอบ SAT เคยจัดสอบในรูปแบบกระดาษ หรือ Paper-Based SAT Test แต่ภายหลัง (ปี 2566) ได้มีการเปลี่ยนมาเป็นการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Bluebook บนอุปกรณ์ เช่น Tablet หรือ Notebook ซึ่งทำให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว และสะดวกในการสอบมากกว่า
มหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ปัจจุบันได้รับความนิยมในกลุ่มนักเรียนนักศึกษารวมถึงผู้ปกครองมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความหลากหลายของหลักสูตร และโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เป็นสากล แน่นอนว่าการที่จะเข้าเรียนในหลักสูตรอินเตอร์ หรือนานาชาติได้นั้น นักเรียนต้องมีผลการทดสอบภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดี และมีผลการสอบวัดความรู้ความสามารถจากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น ผลสอบ SAT นั่นเอง
ข้อสอบ SAT จะมี 2 วิชาได้แก่ Math และ English: Evidence-Based Reading & Writing ซึ่งจะมีคะแนนเต็มพาร์ทละ 800 คะแนน (คะแนนรวมทั้ง 2 พาร์ท 1600 คะแนน) มีทั้งหมด 98 ข้อ ระยะเวลาในการสอบ 2 ชั่วโมง 14 นาที รายละเอียดการสอบ SAT ทั้ง 2 พาร์ท มีดังนี้
SAT Math: Mathematical Reasoning ออกสอบอะไรบ้าง?
- Algebra
- Advanced Math
- Geometry and Trigonometry
- Problem-Solving and Data Analysis
Note:
- ข้อสอบ SAT Math แบ่งเป็น 2 Module ทั้งหมด 44 ข้อ เวลาสอบทั้งหมด 70 นาที
- ใช้หัวข้อเนื้อหาสอบเดิม
- สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ทุกข้อ (มี Graphing Calculator อยู่ในแอปพลิเคชันสอบให้อยู่แล้ว แต่จะเอาเครื่องคิดเลขส่วนตัวมาเองก็ได้ แต่ต้องเป็นแบบที่ได้รับอนุญาต)
- โจทย์ปัญหาจะกระชับ และอ่านง่ายมากขึ้น
- ข้อสอบ Grid-ins (เติมคำตอบ) สามารถตอบติดลบได้
SAT English: Evidence-Based Reading & Writing ออกสอบอะไรบ้าง?
- มี Passages ความยาวประมาณ 25-150 คำ ให้อ่านแล้วเลือกคำตอบ
- ทดสอบด้านความเข้าใจและการใช้ภาษาที่ถูกต้อง เช่น Sentence Structure, Punctuation, Grammar, Vocabulary และอื่น ๆ
Note:
- ข้อสอบ SAT Eng แบ่งเป็น 2 Module ทั้งหมด 54 ข้อ รวมเวลาสอบทั้งหมด 64 นาที
- ไม่มีเนื้อหา History แต่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Poem (บทกลอน, บทกวี) เพิ่มเข้ามา
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ Digital SAT
-
- SAT Digital เป็นข้อสอบแบบ Adaptive Testing ถ้าเราทำคะแนนในข้อสอบชุดแรกได้เยอะ ชุดข้อสอบถัดไปจะท้าทายขึ้น (ความยากตาม performance ของผู้สอบ) รวมถึงข้อสอบแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
- มีการแทรกข้อสอบที่ไม่คิดคะแนนไว้ด้วย โดยจะเรียกว่า Pretest Questions ใน SAT Eng จะมีแทรกไว้ 2 ข้อในแต่ละ Module และ SAT Math จะมีแทรกไว้อีก 2 ข้อ ในแต่ละ Module (เป็นการสุ่มแทรก)
- ถึงแม้จะสอบด้วยแอปพลิเคชันคอมพิวเตอร์ แต่ก็ยังต้องไปสอบที่สนามสอบจริง และมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมเหมือนเดิม
- ผลคะแนนสอบที่ได้รับจะมีอายุใช้งานได้ 2 ปี และสามารถกลับมาสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งเหมือนเดิม
ข้อควรระวังในการเตรียมตัวสอบ Digital SAT
- แบตเตอรี่ของอุปกรณ์ที่ใช้ (ควรชาร์จให้เต็มก่อนเข้าสอบ และควรมี Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองเอาไว้)
- ระวังเครื่องค้าง หรือข้อมูลเต็ม
- ถึงแม้แอปพลิเคชันสอบ Digital SAT จะ save คำตอบให้อัตโนมัติอยู่แล้ว กรณีเน็ตหลุดหรือแบตหมดก็กลับมาทำต่อได้ แต่น้อง ๆ จะเสียเวลาในการจัดการปัญหาแทน เพราะขณะที่น้อง ๆ เข้าสอบใหม่ “เวลาสอบก็จะยังนับอยู่ ไม่หยุดให้”
- ขอออกไปเข้าห้องน้ำในเวลาที่อนุญาตได้ แต่เวลาสอบก็จะเดินต่อไป ไม่หยุดให้เช่นกัน
ศูนย์สอบ Digital SAT มีที่ไหนบ้าง?
สนามสอบหรือศูนย์สอบ SAT มีให้น้อง ๆ เลือกลงสมัครสอบในหลายจังหวัด ได้แก่
- กรุงเทพมหานคร
- สมุทรปราการ
- ปทุมธานี
- นครปฐม
- ระยอง
- ชลบุรี
- ภูเก็ต
- เชียงใหม่
- เชียงราย
ยังไม่รู้จะติว SAT ที่ไหนดี หรือเริ่มติว SAT ยังไงดี? ที่ The Planner Education สถาบันติว GED อันดับ 1 เปิดคอร์สติวสอบ SAT ที่สอนสดทั้งเนื้อหา และ Past Papers ไม่ต้องติวนานเป็นปีก็จบไว พร้อมไปสอบ SAT จริง ในระยะเวลาติวแค่ 3 เดือนเท่านั้น! อีกทั้งยังมีพี่ ๆ แอดมินจากทางสถาบันคอยดูแลและให้คำปรึกษากับน้อง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นติวสอบ จนสอบผ่านและยื่นคะแนนติดคณะอินเตอร์ในฝันเลย
มองหาสถาบันติวสอบ SAT อันดับ 1 ต้องที่ The Planner Education สนใจมาติวสอบและพิชิตคะแนน 1400++ ไปด้วยกัน LINE Official: @theplanner
สนามสอบหรือศูนย์สอบ Digital SAT มีให้น้อง ๆ เลือกลงสมัครสอบใน จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี นครปฐม ระยอง ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และเชียงราย
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังมองหาศูนย์สอบ Digital SAT มีที่ไหนบ้าง The Planner จึงขอมาบอกข้อมูลศูนย์สอบ Digital SAT ในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย ฉบับอัปเดตล่าสุดให้น้อง ๆ ได้รู้กัน
ศูนย์สอบ Digital SAT กรุงเทพฯ มี 20 แห่ง
- Harrow International School Bangkok
- Bangkok Christian International School
- Bangkok International Preparatory and Secondary School
- Berkeley International School
- Shrewsbury International School
- Glory Singapore International School
- Anglo Singapore International School
- International Pioneers School
- International Community School Bangkok
- Keerapat International School
- Kis International School
- Nist International School
- Ruamrudee International School
- Singapore International School of Bangkok
- St.Andrews International School
- The Regents International School Bangkok
- Wells International School – On Nut
- Faculty of Liberal Arts, KMITL
- Bangkok Patana School
- XCL American School of Bangkok
ศูนย์สอบ Digital SAT ในเขตปริมณฑล มี 10 แห่ง
- The American School of Bangkok (ASB) Green Valley
- Thai- Chinese International School
- Concordian International School
- Thai-Singapore International School
- Satit Bilingual School of Rangsit University
- Mahidol University International College (MUIC)
- International Christian School Nonthaburi (Global English School)
- International School Bangkok
- Denla International School
- St.John Mary International School
ศูนย์สอบ Digital SAT ภาคเหนือ มี 7 แห่ง
- Chiang Mai International School
- Prem Tinsulanonda International School
- Nakornpayap International School
- Panyaden International School
- Satit International Bilingual School of Rangsit University Chiang Mai
- Chiang Rai International School
- Chiang Rai International Christian School
ศูนย์สอบ Digital SAT ภาคอีสาน มี 2 แห่ง
- Khon Kaen University International College (KKUIC)
- International Community School Udon
ศูนย์สอบ Digital SAT ภาคตะวันออก มี 6 แห่ง
- Rugby School Thailand
- International School Eastern Seaboard
- Regents International School – Pattaya
- Garden International School – Eastern Seaboard
- St. Andrews International School, Green Valley
- Kamnoetvidya Science Academy
ศูนย์สอบ Digital SAT ภาคใต้ มี 6 แห่ง
- UWC Thailand International School
- British International School Phuket
- Headstart International School Phuket
- Kajonkiet International School
- QSI International School of Phuket
- Theodore International School
จะสอบ Digital SAT แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะติวสอบ SAT ที่ไหนดี? เรียน SAT ที่ไหนดี? “ที่ได้เนื้อหาเน้น ๆ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนนาน” คอร์ส SAT ระยะสั้น 3 เดือน ที่ The Planner Education มารอต้อนรับน้อง ๆ ทุกคนแล้วจ้า คอร์สติวสอบ SAT ที่มีทั้งรูปแบบ On-Site และ Online จากสถาบันติว SAT อันดับหนึ่ง ที่ได้พาน้อง ๆ กว่า 2,000 คน ประสบความสำเร็จ และสอบติดคณะอินเตอร์ที่อยากเข้ากันมาแล้วมากมาย
ความพิเศษของคอร์สติว SAT ที่ The Planner Education คือ น้อง ๆ มาติวที่นี่ในที่เดียวแล้ว “ได้เนื้อหาครบ จบทันทีทุกขั้นตอน” เพราะคอร์ส SAT ที่สถาบัน The Planner Education จะมีการอัปเดตหลักสูตรการสอน ทั้ง Content และ Paper Practice ให้เป็นปัจจุบันล่าสุด ตรงข้อสอบจริงที่สุด และตรงตาม Exam Boards ทุกประการ เสริมทัพความมั่นใจและทริคเด็ดให้โดยคุณครูที่มีประสบการณ์สอนตรงสาย และมีพี่ ๆ แอดมินที่คอยช่วยอำนวยความสะดวกให้กับน้อง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามาติวสอบ SAT จนยื่นคะแนนติดมหาวิทยาลัยที่ต้องการเลย และถ้าหากน้อง ๆ อยากจะให้พี่ ๆ แนะนำสนามสอบ หรือศูนย์สอบ Digital SAT ที่ไหนให้ ทางพี่แอดมินก็มีข้อมูลพร้อม และยังช่วยสมัครสอบ Digital SAT ให้กับน้อง ๆ ที่มีความต้องการอีกด้วย
Bluebook คือ แอปพลิเคชันที่ผู้สอบ Digital SAT ต้องดาวน์โหลดเอาไว้ใช้ฝึกฝนและทดสอบในวันสอบจริง โดยจะรองรับกับอุปกรณ์ที่เป็น Mac และ Windows, iPads และ Chromebook เท่านั้น ไม่รองรับกับอุปกรณ์ที่เป็น Android และแนะนำว่าน้อง ๆ ทุกคนที่กำลังจะไปสอบ SAT ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bluebook และทดสอบการเข้าระบบมาก่อนให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาในช่วงเวลาสอบ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทดสอบนั่นเอง
Bluebook ดียังไง?
แอปพลิเคชัน Bluebook จะค่อนข้างมีความแม่นยำในการทำแบบทดสอบมากกว่าแบบกระดาษ ช่วยลดการทุจริตในห้องสอบ และยังสามารถช่วยให้น้อง ๆ รับผลการสอบเร็วขึ้น ภายใน 7 วัน และหากอินเตอร์เน็ตน้อง ๆ ไม่เสถียรหรืออุปกรณ์เกิดแบตหมดขณะสอบ น้อง ๆ ก็จะสามารถกลับมาทำต่อได้อีก โดยที่คำตอบก่อนหน้าของน้อง ๆ ไม่หายไป
Bluebook มี Feature อะไรโดดเด่น?
- มีโปรแกรมเครื่องคิดเลข: น้อง ๆ สามารถกดใช้งานบนหน้าจอระหว่างการสอบได้เลย “ทุกข้อ” แต่สำหรับน้อง ๆ ที่สอบด้วยแท็บเล็ต อาจจะมีข้อเสียเล็กน้อย เพราะเครื่องคิดเลขนี้จะมีขนาดค่อนข้างเล็ก และอาจจะกดไม่ถนัดมือเท่ากับการสอบด้วยแล็บท็อป
- มี Highlighter Pen: อยากเน้นบทความ Reading หรือ Writing ตรงไหน หรือจะเน้น Main Idea อะไรก็ทำได้ง่ายขึ้น
- แนบสูตร Math มาให้เลย: ใครจำสูตร Math ไม่แม่น น้อง ๆ สามารถกดปุ่มดูสูตรได้ทันที โดยไม่ต้องพลิกข้อสอบไปดูสูตรเหมือนแบบกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะ
- ตัด Choice ที่คาดว่าจะผิดได้: ข้อไหนไม่ใช่ ขีดทับได้เลย ซึ่งจะช่วยให้น้อง ๆ มองภาพรวมของคำตอบได้ง่ายขึ้น
- มีโปรแกรม Notepad: สายขี้ลืม จดโน้ต ทดเลข หมดกังวลทันที เพราะน้อง ๆ สามารถพิมพ์สิ่งที่ต้องโน้ตไว้บนหน้าจอขณะทำข้อสอบได้เลย
- Mark และแจ้งเตือนข้อที่ยังไม่ได้ทำ: เพื่อช่วยให้น้อง ๆ สามารถข้ามไปทำข้อที่ถนัดก่อนได้ และไม่ลืมกลับมาทำข้อที่ยังไม่ได้ทำ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเสียคะแนนโดยไม่รู้ตัวไปได้เยอะ 7.) มีนาฬิกาจับเวลาให้: สำหรับน้อง ๆ ที่กังวลว่าตัวเองจะทำข้อสอบช้า หรือเอาแต่ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือจนลืมโฟกัสข้อสอบ ทาง Bluebook จะมีนาฬิกาขึ้นที่หน้าจอของน้อง ๆ โดยเวลานั้นจะนับถอยหลังไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด จนหมดเวลาทดสอบ
น้อง ๆ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bluebook ได้ที่ https://bluebook.app.collegeboard.org/
ขั้นตอนการติดตั้งและเปิดใช้งาน
- เปิดโฟลเดอร์ Downloads และดับเบิลคลิกที่ Bluebook Setup 0.9.129.exe ซึ่งจะสร้างทางลัดไปยังแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อปของน้อง ๆ ในทันที
- เปิดแอปพลิเคชันจากหน้าเดสก์ท็อปของน้อง ๆ โดยให้ดับเบิลคลิกที่ทางลัด (ไอคอนรูปดาว)
- กดปุ่มยืนยันเมื่อเห็นข้อความถามว่า “คุณแน่ใจหรือไม่ว่าต้องการเปิดแอป” แล้วคลิกเปิด
- กด Log In เพื่อเข้าสู่ระบบ
- การดำเนินการเป็นอันเสร็จสิ้น น้อง ๆ สามารถปิดหน้าต่างและเข้าระบบแอปพลิเคชันในครั้งต่อไปได้เลย
ความเหมือนระหว่าง SAT English กับ ACT English
จุดหลักในการติว SAT หรือ ติว ACT ที่สามารถลุยได้ในแนวทางเดียวกันคือ เนื้อหาข้อสอบของทั้งคู่นั้นมีการให้ความสำคัญกับไวยากรณ์และคำศัพท์เหมือนกัน โดยรูปแบบข้อสอบจะมีทั้งการอ่านประโยคสั้น ๆ หรือ Paragraph แล้ววิเคราะห์ว่า แต่ละส่วนที่โจทย์ตั้งนั้นจะสามารถปรับปรุงหรือแก้ไขคำศัพท์ วลี หรือประโยคได้หรือไม่ อย่างไร
ตัวอย่างข้อสอบ SAT (เฉลยด้านล่าง)
Select the option that corrects the underlined portion of the sentence:
- “The cat sat lazily on it’s owner’s lap, purring contently as she stroked it.”
A) it’s
B) its
C) its’
D) it
ตัวอย่างข้อสอบ ACT (เฉลยด้านล่าง)
- Which of the following sentences contains a grammatical error?
A) She laid the book on the table and sat down to read.
B) The dog buried its bone in the backyard.
C) They’re going to the store to buy groceries.
D) He should studied harder for the exam.
Tips: เวลาน้อง ๆ อ่านประโยคสั้นหรือ Paragraph เมื่อติว SAT หรือ ติว ACT เราอาจจะรู้สึกว่า ไม่มีอะไรให้ต้องแก้ไขจึงเลือกตอบ No change และอาจพลาดคะแนนในข้อนั้นได้ สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือ เช็ก Subject & Verb Agreement ว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่ โดยใช้เทคนิคนี้กับตัวอย่างข้อสอบด้านบน หรือลองอ่านเพิ่มเติมจากตัวอย่างด้านล่างนี้
The cars in the parking lot needs to be moved. เป็นประโยคที่ผิด ถ้ายึดตามประธานของประโยค “The cars” ที่เป็นคำนามพหูพจน์ และ Tense ที่ใช้เป็น Simple Present ตัวคำกริยา (Verb) จะต้องไม่เติม -s ดังนั้นประโยคที่ถูกต้องจะต้องเป็น The cars in the parking lot need to be moved.
ความต่างระหว่าง SAT English กับ ACT English
ข้อมูลล่าสุดของข้อสอบ Digital SAT พาร์ท English เป็นข้อสอบแบบ Multiple Choices อย่างเดียว และทำการสอบผ่านแอปพลิเคชัน Bluebook
ส่วนข้อสอบ ACT นั้น มีทั้งแบบ Multiple Choices และการเขียน Essay ซึ่งเป็นตัวเลือก Optional ไม่ได้บังคับสอบ ขึ้นอยู่กับน้อง ๆ ว่าอยากวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษในทักษะใดบ้าง
ตัวอย่างเกณฑ์คะแนน SAT หรือ ACT สำหรับยื่นมหาวิทยาลัย
คณะ/มหาวิทยาลัย | SAT (English) | ACT (English) |
EBA CU | ≥450 | ≥31 |
CommArts CU | ≥500 |
≥37 |
SIIT TU | ≥400 | ≥21.5 |
*คะแนนอาจมีการปรับเปลี่ยนในแต่ละปี ตรวจสอบอีกครั้งในหน้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย
เฉลย
ตัวอย่างข้อสอบ SAT
Select the option that corrects the underlined portion of the sentence:
- “The cat sat lazily on it’s owner’s lap, purring contently as she stroked it.”
A) it’s
B) its
C) its’
D) it
ตอบ B) its เนื่องจากนำหน้าคำนาม “owner’s lap” ต้องใช้ Possessive Adjective มาวางเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของ The cat ทำให้ใจความหลักนี้แปลได้ว่า แมวตัวนี้นั่งบนตักของเจ้าของ พลางครางออกมาอย่างสบายใจเมื่อถูกลูบหัว
ตัวอย่างข้อสอบ ACT
- Which of the following sentences contains a grammatical error?
A) She laid the book on the table and sat down to read.
B) The dog buried its bone in the backyard.
C) They’re going to the store to buy groceries.
D) He should studied harder for the exam.
ตอบ D) He should studied harder for the exam. เนื่องจากหลัง Modal Verb “should” ต้องใช้คำกริยารูป Infinitive ที่ไม่ต้องเติมอะไรเลยต่อท้าย “should” ดังนั้นประโยคที่ถูกต้องควรเป็น He should study harder for the exam.
จะสอบ SAT หรือ ACT ดี? คราวนี้น้อง ๆ น่าจะคิดออกแล้ว แต่ถ้ายังกังวลว่าจะเตรียมตัวสอบ SAT หรือ ACT อย่างไรดี หรือ ติว SAT ที่ไหนดี สามารถปรึกษากับ The Planner Education ได้โดยตรง ติวอัปคะแนนให้สูงขึ้นกว่าเดิมเพื่อนำไปใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลันอินเตอร์ สอนโดยคุณครูจบตรงสายมากประสบการณ์ เรียนสนุกเนื้อหาเข้มข้น มี Mock Test ให้ทำก่อนสอบจริง ลงทะเบียนเรียนตอนนี้ โทร. 095-726-2666 หรือ LINE: @theplanner
- Concision and Redundancy
น้อง ๆ ควรต้องระวังในเรื่องของการใช้คำฟุ่มเฟือยและการสื่อความหมายซ้ำซ้อน ซึ่งการใช้คำที่มีความหมายเดียวกันหรือใกล้เคียงกันในประโยคเดียวกันมากเกินไป จะทำให้ประโยคยาวเกินความจำเป็น เพื่อให้ได้คะแนนในส่วนนี้มากขึ้น น้อง ๆ ควรต้องหมั่นฝึกฝนในเรื่องของความกระชับในการเรียบเรียงประโยคให้มากขึ้นด้วย - Idioms and Conventional Expressions
กรณีน้อง ๆ ต้องการจะสื่อความหมายคล้าย ๆ กันไปอีกใน 2 ถึง 3 ประโยค หากจะพูดหรือเขียนเรื่องเดิม ๆ ก็อาจทำให้การสื่อสารอย่างใดอย่างหนึ่งออกมานั้น ค่อนข้างที่จะน่าเบื่อและไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ ในภาษาอังกฤษจึงมีในเรื่องของสำนวนหรือกลุ่มคำที่มีความหมายคล้าย ๆ กันเข้ามาช่วยอธิบาย ดังนั้น การฝึกท่องจำกลุ่มคำที่สามารถใช้ร่วมกันได้หรือต้องมาคู่กันอยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ตรงบริบท และหลากหลายมากขึ้น (จุดนี้จะช่วยเพิ่มคะแนนในส่วนของ Lexical Resource หรือความหลากหลายในการใช้คำศัพท์ด้วย) - Conjunctions and Conjunctive Adverbs
ใครกำลังคิดว่าคำเชื่อมประโยคไม่สำคัญ บอกเลยว่าผิดถนัด เพราะเหล่า Conjunctions (เช่น For, And, Nor, But, Or, Yet, So, When, While, Before, Unless) และ Conjunctive Adverbs (เช่น However, Therefore, Meanwhile, Consequently, Furthermore) ที่มีหน้าที่ในการใช้เชื่อมประโยค คำ วลี อนุประโยค รวมไปถึงการเชื่อมใจความ จะช่วยให้คำตอบของน้อง ๆ ดูลื่นไหล เกิดการอธิบายได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลและช่วยให้ประโยคมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย - Punctuation
เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ เป็นองค์ประกอบสำคัญมาก ๆ สำหรับในการใช้แบ่งวรรค ตอนของเนื้อหา ช่วยให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนหรือผู้พูดได้ง่ายขึ้น ไม่เกิดความสับสน เครื่องหมายวรรคตอนจะมีลักษณะเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น Period/Full stop (.), เครื่องหมาย Dash (-), เครื่องหมาย Colons (:), เครื่องหมาย Semicolons (;) เป็นต้น - Sentences
Sentence คือ กลุ่มคำที่รวมกันเพื่อให้เกิดเป็นประโยคในภาษาอังกฤษ ที่สามารถสื่อใจความได้อย่างสมบูรณ์ ในหนึ่งประโยคจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ภาคประธาน (Subject) และภาคแสดงกริยา (Predicate) ดังนั้น เมื่อน้อง ๆ ต้องสื่อสารออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งในชีวิตประจำวันและการสอบ จะต้องมีความรอบคอบอยู่เสมอในการเรียบเรียงประโยค เพราะถ้าหากขาดส่วนสำคัญไปจุดใดจุดหนึ่ง ประโยคนั้นก็อาจจะแปลความออกมาอย่างไม่สมบูรณ์ครบถ้วน หรือไม่รู้เรื่องได้ - Parallel Construction
โครงสร้างคู่ขนาน หรือ Parallel Construction เป็นการเขียนโดยกำหนดให้องค์ประกอบในประโยคมีไวยากรณ์ (Grammatical Form) ไปในทิศทางเดียวกัน ทำหน้าที่เดียวกัน เช่น ถ้าหากน้อง ๆ ใช้คำนามก็ต้องใช้คำนามคู่กัน และหากใช้เป็นวลีก็ต้องใช้วลีคู่กันด้วย - Possessive nouns
ในเรื่องของการทำคำนามให้อยู่ในรูปของการแสดงความเป็นเจ้าของ หรือ Possessive noun จุดเล็ก ๆ นี้อาจดูเหมือนง่าย แต่ถ้าหากพลาดขึ้นมาก็โดนตัดคะแนนได้เหมือนกัน ซึ่งคำนามแสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษ จะทำได้ 2 วิธีคือ การใช้ Apostrophe + s (‘s) (คำนามเอกพจน์ (Singular Noun) และคำนามพหูพจน์ (Plural Noun) มีวิธีการใส่ ‘s ไม่เหมือนกัน) และการใช้ of ที่น้อง ๆ มักใช้กันอยู่บ่อย ๆ เช่น The trunk of an elephant. - Pronouns
Pronouns หรือ คำสรรพนาม เป็นคำที่ใช้แทนนามในภาษาอังกฤษ ซึ่งแบ่งแยกย่อยอีกได้ถึง 8 ประเภท ได้แก่
- Personal Pronoun (สรรพนามแทนบุคคล) เช่น I, You, We, Thay, He, She, It
- Possessive Pronoun (สรรพนามเจ้าของ) เช่น mine, yours, hers, ours, his, its
- Reflexive Pronoun (สรรพนามเน้นตัวเอง) เช่น myself, yourself, himself, herself
- Definite Pronoun (สรรพนามชี้เฉพาะ) เช่น this, these, that, those
- Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ) เช่น all, any, non, some
- Interrogative Pronoun (สรรพนามคำถาม) เช่น who, whom, whose, what, which
- Relative Pronoun (สรรพนามเชื่อมความ) เช่น who, whom, whose, what, which (เอาไว้ใช้ขยายประธานหรือกรรม ห้ามมี noun ตามหลัง)
- Distributive Pronoun (สรรพนามแบ่งแยก) เช่น each, either, neither
คำสรรพนามดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ประโยคภาษาอังกฤษของน้อง ๆ เกิดความเข้าใจง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งเดิมหรือชื่อเดิมซ้ำ ๆ หากน้อง ๆ อยากได้คะแนนมากขึ้น ต้องไปทำความเข้าใจทั้ง 8 ข้อย่อยนี้ให้ดี และเลือกใช้กันให้ถูกต้องในวันสอบด้วยนะ
- Verbs
Verbs หรือ กริยา คือคำที่บอกอาการหรือการกระทำ (action) หรือ ความเป็นอยู่ (being) สำหรับในข้อสอบ SAT Reading และ Writing จะมีการทดสอบน้อง ๆ อยู่ 2 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่ verb tenses และ subject/verb agreement
Verb Tense
เช่น Present Perfect, Past Continuous,Future Perfect และอื่นๆ
Subject/Verb Agreement
เป็นการใช้ประธานและคำกริยาให้สอดคล้องกันตามหลักไวยากรณ์ - Illogical Comparisons
ข้อสุดท้ายนี้อาจจะเข้าใจยากสักเล็กน้อย แต่บอกไว้เลยว่าออกข้อสอบ SAT Writing บ่อยมาก ๆ และค่อนข้างปราบเซียนอยู่ไม่น้อย คือในเรื่องของ Illogical Comparisons หรือความเข้าใจในการเขียนเปรียบเทียบสิ่งที่คล้ายกัน ซึ่งในบางครั้งก็อาจมาในรูปแบบของคำที่สามารถเปรียบเทียบกับคำอื่นในประเภทเดียวกันได้เท่านั้นด้วย
การสอบ SAT ถือเป็นด่านสำคัญมาก ๆ สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังเตรียมติวสอบเข้าคณะอินเตอร์ ดังนั้น การเตรียมตัวและเตรียมความรู้ให้พร้อม โดยเฉพาะ SAT English ที่ต้องใช้หลักและกฎทางภาษาอังกฤษเยอะมาก ๆ จะช่วยให้น้อง ๆ ลุยข้อสอบ SAT ได้อย่างมั่นใจ และทำคะแนนสอบออกมาได้ดีตามที่คาดหวัง
น้อง ๆ คนไหนที่กำลังมองหาสถาบันติว SAT ที่ไหนดีสักที่ ที่จะมาช่วยเสริมเกราะความรู้ เพิ่มความมั่นใจในการสอบให้มากขึ้นทั้ง SAT Math และ SAT Eng สถาบันติว The Planner Education เปิดคอร์สติว SAT ระยะสั้น ทั้งแบบ On-Site และ Online ให้กับน้อง ๆ ด้วยเนื้อหา SAT ที่อัปเดตล่าสุด ตรงจุดออกข้อสอบจริง สอนกันสด ๆ โดยคุณครูจบตรงสาย ประสบการณ์สอนตรง ที่จะมอบมอบทริคเด็ด ๆ เคล็ดลับให้กับน้อง ๆ ในทุกเนื้อหา พร้อมทั้งมีทีมพี่แอดมินคอยช่วยดูแลน้อง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น จนสอบผ่าน มั่นใจได้เลยว่าติวสอบ SAT ที่ The Planner ไม่มีผิดหวังแน่นอน!
“ส่งคะแนน SAT ไปที่มหาวิทยาลัยต้องทำยังไงบ้าง?”
ก่อนอื่นน้อง ๆ ต้องรู้ก่อนว่าหลักสูตรที่น้อง ๆ ต้องการยื่นต้องส่งคะแนน SAT แบบส่งจาก College Board หรือ สามารถพิมพ์คะแนน SAT ออกมาและไปยื่นกับตัวคณะได้เลย หากทางคณะต้องการให้ส่งผ่าน College Board จะมีขั้นตอนที่น้อง ๆ ต้องรู้เข้ามาเพิ่มเล็กน้อย ในบทความนี้จะอธิบายขั้นตอนการยื่นคะแนนผ่าน College Board
วิธีการยื่นคะแนน SAT
- เข้าไปที่เว็บ www.collegeboard.org จากนั้นล็อกอินเพื่อเข้าสู่ระบบ
- กดเข้าไปที่ My SAT เมื่อเข้ามาที่หน้า My SAT แล้ว ให้กดที่ Send your scores แล้วกดที่ Send Additional Scores Reports ต่อได้เลย
- จากนั้นหน้าต่างที่ขึ้นมาจะให้เราค้นหามหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา แต่เราจะยื่นคะแนนไปที่มหาวิทยาลัยในไทย เราจึงต้องกดที่ More Search Options เพื่อค้นหา Thailand
- จากนั้นจะมีช่องให้กรอก รหัสคณะที่ต้องการยื่น (คณะจะแจ้งรหัสไว้ทางใบเกณฑ์คะแนนตอนประกาศรับแล้ว) เมื่อเรากรอกรหัสแล้วกดไปต่อเรียบร้อย จะไปอีกหน้าให้เราเช็กว่าชื่อคณะนี้ถูกต้องไหม ถ้าหากถูกต้องแล้วให้กด Add ได้เลย
หมายเหตุ: น้อง ๆ สามารถยื่นคะแนนกี่หลักสูตรก็ได้ แต่หากเกิน 4 หลักสูตร จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- กด Continue หน้าต่อไปจะเป็นหน้าให้เราเลือกคะแนนว่าแต่ละหลักสูตรต้องการส่งคะแนน SAT ของรอบไหนบ้าง กดตรงปุ่ม Choose Scores เมื่อเลือกทุกอย่างครบเรียบร้อยแล้วให้กด Continue
- ต่อมาเป็นหน้าสุดท้าย จะมีให้เราเช็กคะแนนอีกรอบ และขึ้นบอกให้เรารู้ว่าแต่ละหลักสูตรจะส่งคะแนน SAT แบบไหนให้ แล้วกดติ๊กถูกที่ I agree
- จากนั้นมาเลือกว่าเราจะส่งแบบ Regular ใช้เวลาประมาณ 10-14 วันทำการ (ไม่รวมเสาร์อาทิตย์) หรือส่งแบบ Rush ใช้เวลาประมาณ 7-10 วันทำการ (ไม่รวมเสาร์อาทิตย์) และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เมื่อเลือกเรียบร้อยแล้วกด Make Payment เพื่อชำระเงินทาง Paypal หรือบัตรเครดิต ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการยื่นคะแนน SAT ผ่าน College Board
นอกจากวิธีการส่งคะแนน SAT ผ่าน College Board แบบ Regular กับ Rush แล้ว ยังมีอีกวิธีคือ ส่งคะแนน SAT แบบล่วงหน้า โดยไปที่หน้า My SAT แล้วกด Don’t forget to send your free score reports ถ้าคะแนนออกแล้ว College Board จะส่งคะแนนให้เราทันที โดยเขาจะเลือกส่งคะแนน SAT รอบที่เราทำคะแนนได้ดีที่สุดไปให้ วิธีนี้เหมาะกับน้อง ๆ ที่สอบ SAT ในช่วงที่แต่ละหลักสูตรเปิดรับสมัคร
ตัวอย่างหลักสูตรอินเตอร์ที่ต้องส่งคะแนน SAT ผ่าน College Board
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลักสูตร | รหัสสำหรับส่งคะแนน |
BALAC | 6902 |
BBA | 4559 |
ChPE | 9187 |
CommArts | 9174 |
CommDe | 7797 |
EBA | 9080 |
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หลักสูตร | รหัสสำหรับส่งคะแนน |
BBA | 0288 |
BE | 8003 |
LLB. | 7420 |
มหาวิทยาลัยมหิดล
หลักสูตร | รหัสสำหรับส่งคะแนน |
Dental | 7697 |
MUIC (ทุกหลักสูตรที่ใช้คะแนนเลข) | 7208 |
น้อง ๆ พร้อมไหมกับการสอบ Digital SAT เตรียมตัวกันพร้อมหรือยัง หรือถ้าหากไปสอบมาแล้วแต่คะแนนที่ออกมายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ กำลังคิดที่จะสอบใหม่อีกครั้ง สถาบันติว SAT อย่าง The Planner Education ก็มีคอร์สติว SAT ติวจบพร้อมสอบ ไม่ต้องติว SAT นานเป็นปี ก็สามารถทำคะแนน SAT ให้ได้สุดปัง ตรงตามเป้า อย่างที่น้อง ๆ หลายคนที่เรียน SAT กับ The Planner จนสอบได้คะแนน 1400++ ยื่นติดอินเตอร์มหาวิทยาลัยท็อปของไทยมาแล้วหลายคน
ติว SAT ที่ไหนดี ที่ The Planner เปิดคอร์สติว SAT ถึง 3 คอร์ส สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการจะเน้นทักษะและสกิลคนละแบบ โดยจะมีคอร์สติว SAT Content ที่จะติวเน้นไปที่เนื้อหาครบทุก Topic ที่จะออกสอบ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ไม่มีพื้นฐาน หรือพื้นฐานอ่อน ต้องการมาติวอัปคะแนนเพื่อไปสอบได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และมีคอร์สติว Paper Pratice ที่จะพาน้อง ๆ ตะลุยโจทย์ SAT จากข้อสอบจริงรอบล่าสุด เพื่อให้น้อง ๆ ทำความคุ้นเคยกับโจทย์แต่ละรูปแบบ เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเนื้อหา SAT มาแล้ว และต้องการฝึกใช้ความรู้ของตัวเองกับโจทย์จริง สุดท้ายจะเป็นคอร์ส SAT Fast Track ที่จะเจาะเทคนิคของโจทย์ทุกข้อ ทุกรูปแบบ ภายในระยะเวลาจำกัด 20 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานแล้ว แต่ไม่มีเวลาติวมากนัก และต้องการที่จะไปสอบเพื่อใช้คะแนนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยทันที
สมัครติว SAT หรือสอบถามตารางเรียนแบบกลุ่มได้ที่ LINE Official: @theplanner
“คะแนน SAT ไม่ถึงเกณฑ์ที่หลักสูตรอินเตอร์กำหนดไว้ จะยื่นติดไหม?”
ยังมีโอกาสยื่นติดอยู่ค่ะ ถึงน้อง ๆ จะทำคะแนน SAT ได้ไม่ถึงเกณฑ์สำหรับการยื่นเข้า แต่ก็ยังมีโอกาสติดอยู่ ซึ่งในแต่ละหลักสูตรจะมีเกณฑ์กำหนดไว้ ว่าถ้าหากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ตั้งต้นที่คณะกำหนด น้อง ๆ สามารถยื่นคะแนนอีกเกณฑ์ที่คณะกำหนดได้ และต้องมีการสอบตัวอื่นเพิ่ม หรือเรียนตัวนั้นเพิ่มเติมนั่นเอง
ตัวอย่างหลักสูตรที่หากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ก็มีโอกาสยื่นติด
BSAC (Applied Chemistry) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- เกณฑ์คะแนนที่ใช้ในการยื่นเข้า BSAC
- คะแนนภาษาอังกฤษ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- IELTS ≥6.0
- TOEFL (iBT) ≥79
- TOEFL (PBT) ≥550
- SAT ≥500
- CU-TEP ≥80
- DET ≥110
- คะแนนคณิตศาสตร์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- SAT ≥450
- CU-AAT ≥490
- คะแนนวิทยาศาสตร์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- GED Science ≥160
- CU-ATS ≥380
- AS/A-Level (Chem) ≥C
- AP (Chem) ≥3
- IB (Chem) ≥4
- GPAX เคมี (ม.4-ม.6) ≥2.75
- GPAX วิทย์ (ม.4-ม.6) ≥2.75
ถ้าน้อง ๆ มีคะแนนผ่านเกณฑ์ที่ BSAC กำหนดด้านบน แค่ 2 ใน 3 ข้อ ก็สามารถยื่นคะแนนเข้า BSAC ได้ แต่คะแนนส่วนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะต้องได้ขั้นต่ำไม่น้อยกว่าเกณฑ์ด้านล่างนี้
- เกณฑ์คะแนนที่ใช้ในการยื่นเข้า BSAC (หากผ่านเกณฑ์แค่ 2 ใน 3 ข้อ)
-
- คะแนนภาษาอังกฤษ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- IELTS ≥5.5
- TOEFL (iBT) ≥61
- TOEFL (PBT) ≥500
- SAT ≥450
- CU-TEP ≥61
- DET ≥95
- คะแนนคณิตศาสตร์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- SAT ≥440
- CU-AAT ≥400
- คะแนนวิทยาศาสตร์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- GED Science ≥145
- CU-ATS ≥340
- AS/A-Level (Chem) ≥D
- AP (Chem) ≥2
- IB (Chem) ≥3
- GPAX เคมี (ม.4-ม.6) ≥2.50
- GPAX วิทย์ (ม.4-ม.6) ≥2.50
- คะแนนภาษาอังกฤษ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
TEP-TEPE ( Twinning Engineering Programs) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- เกณฑ์คะแนนที่ใช้ในการยื่นเข้า TEP-TEPE
-
- คะแนนภาษาอังกฤษ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- IELTS ≥6.0
- TOEFL (iBT) ≥61
- TOEFL (PBT) ≥500
- TU-GET (CBT) ≥61
- TU-GET (PBT) ≥500
- คะแนน Aptitude Test (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- SAT (Verbal) ≥400
- SAT (Math) ≥620
- IB Math(HL) ≥5
- ACT Composite Score ≥21
- คะแนนภาษาอังกฤษ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
ถ้าน้อง ๆ มีคะแนนภาษาอังกฤษไม่ผ่านเกณฑ์ที่ TEP-TEPE กำหนด ก็สามารถยื่นคะแนนเข้าได้ โดยสามารถยื่นคะแนนภาษาอังกฤษขั้นต่ำไม่น้อยกว่าเกณฑ์ด้านล่างนี้
- เกณฑ์คะแนนที่ใช้ในการยื่นเข้า TEP-TEPE (หากคะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์)
-
- คะแนนภาษาอังกฤษ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- IELTS ≥4.5
- TOEFL (iBT) ≥32
- TOEFL (PBT) ≥400
- TU-GET (CBT) ≥32
- TU-GET (PBT) ≥400
- คะแนนภาษาอังกฤษ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
ซึ่งน้อง ๆ ที่มีคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ของ TEP-TEPE ในข้อแรก เมื่อยื่นคะแนนทางเลือกแล้ว ก็ต้องเรียนวิชาปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษเพิ่มเติมตามที่คณะกำหนดก่อนเปิดเทอมอีกด้วย
หากคณะอินเตอร์ที่น้อง ๆ อยากเข้าต้องใช้คะแนน SAT และกำลังหาที่ติว SAT ที่ไหนดี คอร์สติว SAT ที่ The Planner มีข้อสอบ Mock Test เสมือนจริงให้ลองทำฟรีก่อนสอบ และยังมีคอร์สติว Fast Track 20 ชั่วโมง ที่จะช่วยให้น้อง ๆ ที่มีเวลาติว SAT อย่างจำกัดสามารถติวเทคนิคสำหรับการทำข้อสอบ SAT โดยเฉพาะ ติวครบทุกเทคนิคจำเป็น ครบทุกรูปแบบ เจอแน่ในข้อสอบจริง และสามารถอัปคะแนนให้สูงขึ้นอย่างที่คาดหวังไว้ได้ หรือหากยังไม่มีพื้นฐานสอบ SAT มาก่อน สามารถทักมาปรึกษาเรื่องคอร์สติว SAT อื่น ๆ กับพี่แอดมินได้เลย LINE Official: @theplanner
ข้อสอบ SAT กับ AP แตกต่างกันอย่างไร? แล้วถ้าจะยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยคณะอินเตอร์ต้องเลือกสอบตัวไหนดี?
SAT คืออะไร?
SAT (Scholastic Aptitude Test หรือ Scholastic Assessment Test) คือ การสอบวัดความถนัดในวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics) และภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน SAT ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการทดสอบจากการสอบในกระดาษมาเป็นการสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต ด้วยแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Bluebook และมีการประกาศใช้ชื่อรูปแบบการสอบใหม่อย่างเป็นทางการว่า “Digital SAT”
การสอบ SAT จัดขึ้นโดยหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า College Board ปัจจุบันข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่มหาวิทยาลัยทั่วโลกให้การยอมรับ รวมถึงมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ที่รับพิจารณาคะแนนนี้เมื่อน้อง ๆ ยื่นเข้าเรียนต่อในหลักสูตรอินเตอร์ หรือนานาชาติ โดยข้อสอบมีคะแนนเต็มพาร์ทละ 800 คะแนน และคะแนนรวมทั้ง 2 พาร์ท เต็ม 1600 คะแนน ใน 1 ปี จะมีการจัดสอบให้ประมาณ 6-7 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงต้นปีไปจนถึงปลายปี
AP คืออะไร?
AP (Advanced Placement Program) คือ หลักสูตรการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโครงการเรียนล่วงหน้าสำหรับนักเรียนมัธยมปลายในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ดูแลการสอบโดย College Board ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวกับที่จัดสอบ SAT
หลักสูตร AP จะไม่เหมือนกับหลักสูตร ม.ปลาย AS/ALEVEL, IB หรือ GED ตรงที่หลักสูตรนี้จะไม่ใช่หลักสูตรที่ได้วุฒิการศึกษา (เป็นเหมือนข้อสอบเสริม) และมีเนื้อหาในระดับมหาวิทยาลัย โดยหากน้อง ๆ ที่สนใจเข้าสอบ AP สอบผ่านตามเกณฑ์ที่หลักสูตรกำหนด หน่วยกิตในรายวิชาที่น้อง ๆ สอบผ่านจะสามารถใช้โอนไปยังหน่วยกิตของมหาวิทยาลัยในคณะต่าง ๆ ที่น้อง ๆ เลือกเรียนได้
ซึ่งข้อดีของข้อสอบ AP คือ จะทำให้น้อง ๆ “ไม่ต้องเรียนซ้ำ หรือเรียนน้อยลงในรายวิชาที่เคยเรียนไปแล้ว และสามารถเรียนจบมหาวิทยาลัยได้เร็วขึ้น”
ยื่นคะแนนเข้าคณะอินเตอร์ ควรสอบ SAT หรือ AP?
ถึงแม้ว่า SAT และ AP จะอยู่ในหน่วยงานจัดสอบเดียวกัน และมีการทดสอบผ่านแอปพลิเคชันเดียวกัน แต่ทั้งสองข้อสอบนี้ก็มีวัตถุประสงค์หลักและเนื้อหาการสอบที่ค่อนข้างแตกต่างกัน “SAT สอบเพื่อใช้คะแนนภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์โดยเฉพาะ” ในขณะที่ “AP สามารถเลือกสอบในวิชาที่หลากหลาย และใช้หน่วยกิตที่มีโอนเข้าไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้”
ดังนั้น ก่อนที่น้อง ๆ จะลงสมัครสอบในข้อสอบตัวใดตัวหนึ่ง หรือทั้งสองตัว น้อง ๆ ควรที่จะต้องตรวจสอบ Requirement ของหลักสูตรนานาชาติหรือมหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ ต้องการจะสมัครเข้าศึกษามาก่อน เพราะในหลาย ๆ หลักสูตรอินเตอร์จะต้องการคะแนนสอบเพียงตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น (ในประเทศไทยนิยมใช้คะแนน SAT มากกว่า) แต่ก็มีอีกหลาย ๆ หลักสูตรอินเตอร์เหมือนกัน ที่ใช้คะแนนทั้ง SAT และ AP เช่น หลักสูตร IDDP หรือ หลักสูตรวิศวกรรมการบินและอวกาศ-บริหารธุรกิจ (นานาชาติ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ยื่นเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติ คะแนนสอบ SAT และ AP สำคัญมาก สำหรับน้อง ๆ คนที่ไหนที่กำลังมองหาคอร์สติวสอบ SAT และคอร์สติวสอบ AP ที่ The Planner Education สถาบันติวสอบหลักสูตรนานาชาติอันดับ 1 พร้อมดูแลให้น้อง ๆ เก็งประเด็นเนื้อหาออกสอบได้รวดเร็วและเข้าใจมากยิ่งขึ้น ด้วยเนื้อหาหลักสูตรที่เน้นเจาะข้อสอบล้วน สอนสดโดยคุณครูประสบการณ์ตรงสายด้านติวสอบเข้าหลักสูตรนานาชาติ พร้อมทั้งตัวหลักสูตรเองที่มีระยะสั้น ใช้เวลาในการเรียนไม่นานก็เข้าใจเนื้อหาได้ พิสูจน์ความสำเร็จแล้วโดยน้อง ๆ ลูกศิษย์ของทางสถาบันที่จบการศึกษาและสอบติดมหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติแล้วมากกว่า 2,000 คน
Adaptive Testing คืออะไร?
Adaptive Testing คือ การทดสอบแบบปรับอัตโนมัติด้วยคอมพิวเตอร์ หรือข้อสอบที่มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทดสอบตามความสามารถหรือคุณลักษณะแฝงของผู้สอบแบบ realtime ซึ่งคำนวณจาก Performance ของผู้สอบในข้อก่อนหน้านี้ โดยข้อสอบแบบ Adaptive Testing ปัจจุบันนิยมสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ลักษณะเดียวกัน ที่สามารถใช้โปรแกรมเข้ามาคำนวณข้อสอบได้ เช่น Laptop หรือ Tablet
ทำไมต้องใช้ Adaptive Testing ในการสอบ Digital SAT?
ข้อสอบ Digital SAT ที่มีระบบเป็น Adaptive Testing อธิบายได้ง่าย ๆ ก็คือ ถ้าน้อง ๆ ทำคะแนนในข้อสอบชุดแรก (Module 1) ได้ดี ชุดถัดไป (Module 2) จะมีความยากขึ้น และจะมีโอกาสคว้าคะแนนรวมสูงสุดในพาร์ทได้มากขึ้นด้วย ซึ่งระบบ Adaptive Testing นี้เอง จะมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากการสอบ SAT แบบเดิม (Paper-based) ที่เป็นข้อสอบกระดาษชุดเดียวกัน ใช้มาตรฐานเดียวกันวัดผลทุกคนที่สอบในรอบสอบนั้น ๆ
“ดังนั้น Digital SAT ที่ใช้ระบบ Adaptive Testing เข้ามาทดสอบ จึงช่วยให้น้อง ๆ ได้ทำข้อสอบในระดับที่เหมาะสมกับตนเองมากขึ้น”
โดยหน่วยงานจัดสอบ SAT ในประเทศไทย ได้มีการเริ่มใช้ระบบสอบแบบ Adaptive Testing อย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่การเริ่มสอบ Digital SAT ครั้งแรก เมื่อ 11 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา
ข้อดีและข้อเสียของข้อสอบ Digital SAT แบบ Adaptive Testing?
ข้อดี
- ได้ทำข้อสอบในระดับที่เหมาะสมกับตัวเรา
ระบบ Adaptive Testing จะประมวลผลข้อสอบใน Module ที่ 2 ให้มีความยากง่ายเป็นไปตามที่เราทำได้ใน Module ที่ 1 หากน้องคนไหนเตรียมตัวมาดี สกิลเป๊ะปังทุกพาร์ทมาแล้วก็สบายหายห่วง แต่ถ้าหากเป็นน้อง ๆ ที่ค่อนข้างกังวลว่าตัวเองจะไปเจอข้อที่ยากเกินจะทำได้ และกลัวเสียคะแนนไปเปล่า ๆ ตัวระบบ Adaptive Testing นี้เอง ก็จะช่วยน้อง ๆ กลุ่มนั้นสามารถทำคะแนนได้ในข้อที่ระบบคาดว่าน่าจะทำไหว
- ข้อสอบจำนวนน้อยลงและใช้เวลาทดสอบน้อยลง
เนื่องจากเป็นการทดสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์และมีการประมวลผลการสอบแบบ Adaptive Testing ข้อสอบจึงสามารถลดจำนวนข้อ กระบวนการและเวลาลงได้ตามเหมาะสม เพราะถึงแม้จำนวนข้อจะลดลง หรือเนื้อหาบางส่วนน้อยลง แต่ประสิทธิภาพในการวัดผลของผู้สอบดีขึ้น และแม่นยำขึ้นด้วยก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
- คนไปสอบรอบถัด ๆ ไปอาจได้ข้อสอบที่เสถียรขึ้น
ด้วยตัวข้อสอบ Digital SAT สามารถวัดผลผู้เข้าสอบได้ผ่านการคำนวณในระบบคอมพิวเตอร์ หากเกิดกรณีในรอบสอบหนึ่ง พบความผิดปกติของคะแนน หรือมีผลลัพธ์ของผู้สอบที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ที่ระบบสอบคาดการณ์ไว้ ทางระบบสอบที่มีการอัปเดตข้อสอบใหม่เสมอก็อาจจะมีการปรับปรุงข้อสอบหรือการสอบให้เสถียรต่อผู้เข้าสอบรอบถัดไปได้มากขึ้น
- ลอกข้อสอบกันยากขึ้น
เนื่องด้วยระบบ Adaptive Testing จะคัดเลือกข้อสอบมาให้ตาม Performance ของแต่ละผู้เข้าสอบ ดังนั้นน้อง ๆ หลายคนในห้องสอบจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เจอโจทย์เดียวกัน ในลำดับข้อที่ตรงกัน จึงลดความกังวลลงไปได้ทั้งหน่วยงานสอบเองและตัวผู้เข้าสอบในเรื่องของการลอกคำตอบที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสอบ
ข้อเสีย
- ถ้าทำข้อสอบชุดแรกได้น้อย จะมีโอกาสได้คะแนนสูงน้อยลงไปด้วย ต่อให้ทำข้อสอบชุดถัดมาได้คะแนนเต็ม
อ้างอิงจากโครงสร้างการสอบ Digital SAT แบบ Adaptive Testing
Module 1) ผู้สอบจะเจอข้อสอบที่คละกันระหว่าง ง่าย > ปานกลาง > ยาก
Module 2) ผู้สอบจะเจอข้อสอบที่ระบบเลือกมาให้แล้ว (ยากขึ้น) จากการคำนวณผ่านข้อสอบที่ทำได้ใน Module ที่ 1
หากน้อง ๆ ทำคะแนนสอบในส่วนของ Module ที่ 1 ได้น้อย หรือผิดพลาดติดต่อกันเยอะ ๆ น้อง ๆ ก็จะถูกปรับระดับลงมาอัตโนมัติใน Module ที่ 2 (ไม่เจอข้อท้าทายเท่าไหร่) แน่นอนว่าโอกาสคว้า SAT High Score 660 ขึ้นไป จะแทบเป็นไปไม่ได้เลย ถึงแม้น้อง ๆ จะสอบ Module 2 ไม่ผิดเลยก็ตาม ดังนั้น ข้อสอบ Digital SAT Module ที่ 1 สำคัญมาก ๆ
- ระบบอาจคำนวณผิดพลาดได้
Digital SAT แบบ Adaptive Testing อย่างที่ทราบกันดีว่าต้องสอบผ่านคอมพิวเตอร์ Laptop หรือ Tablet ซึ่งจริง ๆ แล้วระบบนี้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกอยู่แล้วในเรื่องของความแม่นยำ แต่ทั้งนี้ หากมองในด้านของเทคโนโลยีและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก็อาจจะมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดระหว่างสอบได้เหมือนกันจากหลายสาเหตุ เช่น อุปกรณ์ของผู้สอบรวน ค้าง หรือตัวระบบเองที่ Error ปัญหาเหล่านี้อาจจะส่งผลต่อการคำนวณข้อสอบที่เหมาะสม หรือการคิดคะแนนของผู้เข้าสอบ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ได้
เตรียมสอบ Digital SAT (Adaptive Testing) ยังไง ให้ได้คะแนนสูง?
- อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบควรพร้อมเสมอ
เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการสอบ น้อง ๆ ควรเคลียร์อุปกรณ์สอบของตัวเอง (คอมพิวเตอร์, Laptop หรือ Tablet) ให้พร้อมที่สุดก่อนเริ่มเข้าสอบ โดยล้างไฟล์ขยะ ลบแอปพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็น หรือสิ่งที่อาจจะขัดขวางระบบการทำงานของแอปพลิเคชั่น Bluebook ที่ใช้สอบ SAT
- ติดตั้งและฝึกใช้แอปพลิเคชั่น Bluebook ให้คล่อง
Bluebook คือแอปพลิเคชั่นสำคัญสำหรับสอบ Digital SAT โดยมีระบบ Adaptive Testing มาช่วยคำนวณข้อสอบหลังบ้าน ซึ่งก่อนที่จะเข้ารับการทดสอบ Digital SAT จริง น้อง ๆ สามารถดาวน์โหลดตัวแอปพลิเคชั่น และทดลองทำข้อสอบในส่วนของ Test Preview และ Full-Length Practice ก่อนได้ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับตัวแอป และเห็นภาพรวมของข้อสอบมากขึ้นก่อนเข้าสอบจริง
- ข้อสอบ Module 1 ควรทำให้ได้เยอะ ๆ
อย่างที่น้อง ๆ ได้ทราบกันมาแล้วว่าข้อสอบ Digital SAT ใน Module ที่ 1 นั้น จะมีทั้งข้อยาก ข้อปานกลาง และข้อง่ายผสมปะปนกันไป ข้อสอบชุดนี้นี่เอง ที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตน้อง ๆ ว่าจะมีโอกาสเจอข้อคะแนนสูง ๆ ใน Module ที่ 2 หรือไม่ และจะสามารถพิชิตคะแนนสอบ Digital SAT ที่ 660 ขึ้นไปได้หรือไม่
ดังนั้น ใน Module ที่ 1 นี้เอง น้อง ๆ จึงควรเก็บคะแนนสอบให้ได้มากที่สุดเข้าไว้ก่อน อย่างน้อย ๆ น้อง ๆ ก็จะพอมีโอกาสเข้าไปสู้กับข้อยากใน Module ที่ 2 เพื่อช่วงชิงคะแนนระดับสูงมา ดีกว่าไม่ได้เข้ารอบเลย และได้ไปทำข้อสอบในระดับที่น้อยกว่า
- ตอบข้อสอบให้ครบทุกข้อเสมอ อย่าปล่อยว่างไว้
คะแนนดี ๆ จะมีได้ น้อง ๆ ต้องมีความรอบคอบ และมีการบริหารเวลาที่ดีด้วยนะ ถ้าโจทย์ไหนน้อง ๆ ทำได้ให้ทำไปก่อนเลย (ข้อสอบจริงกดกลับไปกลับมาได้) และหากเจอข้อไหนที่ยังไม่มั่นใจ ให้น้อง ๆ กด Mark for Review ในหน้าข้อสอบไว้ก่อนเพื่อให้ไม่ลืมกลับมาทำอีกครั้ง หรือกลับมาทวนซ้ำก่อนกดส่งคำตอบ
และหากว่าในท้ายที่สุด เวลาจะหมดลงแล้วแต่ยังตอบไม่ครบ แนะนำให้รีบตัดช้อยส์ให้เร็วที่สุดแล้วกดคำตอบที่คิดว่าใช่ไปให้ครบ เพราะน้อง ๆ อาจมีโอกาสตอบถูกบ้างก็ได้ แต่ถ้าน้อง ๆ ลืมตอบหรือไม่ได้ตอบข้อไหนไปเลย ระบบจะคำนวณว่าน้อง ๆ ไม่พร้อมต่อการทำข้อสอบข้อนั้น ๆ และอาจทำให้ Module ที่ 2 น้อง ๆ พลาดโอกาสเจอข้อท้าทายและได้คะแนนน้อยไปอย่างน่าเสียดาย
เห็นได้ว่าข้อสอบ Digital SAT ที่มีระบบ Adaptive Testing เข้ามาช่วยจัดการค่อนข้างมีความท้าทายมากกว่าระบบการสอบแบบเก่าในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ The Planner เชื่อว่าหากน้อง ๆ ทุกคนได้รับการฝึนฝน และติวสอบ Digital SAT มาเป็นอย่างดีแล้ว SAT High Score ไม่มีทางที่จะหลุดมือไปได้แน่นอน
หากใครกำลังมองหาสถาบันติวสอบ SAT หรือคอร์สติว Digital SAT ที่ไหนดี ที่ The Planner Education พร้อมเปิดที่นั่งต้อนรับน้อง ๆ ที่อยากเจาะเนื้อหา ทั้ง Content และตะลุยโจทย์ Paper Practice แบบเน้น ๆ หลักสูตรจากทางสถาบันเป็นแบบระยะสั้น สอนสด สรุปทุกอย่างมาให้แล้วโดยคุณครูประสบการณ์สอนตรงสาย ที่พาน้อง ๆ มากกว่า 2,000 คนจบการศึกษา สอบผ่าน และได้คะแนนสูงในหลักสูตรการสอบอินเตอร์มาแล้วมากมาย
ติดต่อสอบถามคอร์สการเรียน SAT ได้ที่ 095-726-2666 หรือ LINE: @theplanner